จีนและรัสเซียกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีก ด้วยการลงนามในข้อตกลงมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่สองของการเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของนายกรัฐมนตรีวลาดิเมียร์ ปูติน
สำนักข่าวอิตาร์-ทาสส์ของรัสเซีย รายงานอ้างการเปิดเผยของรองนายกฯอเล็กซานเดอร์ ซูคอฟว่า ได้มีการลงนามในข้อตกลงและสัญญาหลายสิบฉบับระหว่างบริษัทของรัสเซียและจีนในระหว่างการประชุมธุรกิจสองประเทศ ซึ่งรวมถึงข้อตกลงด้านสินเชื่อมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์ระหว่างสเตท ดีเวลอปเมนท์ แบงก์ ออฟ ไชน่า และ Vneshekonombank ของรัสเซีย รวมไปถึงโครงการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานหลายโครงการ
นอกจากนี้ รองนายกฯรัสเซียยังกล่าวด้วยว่าจะมีการทำข้อตกลงระดับทวิภาคีตามมาอีกหลายสิบฉบับ หลังจากการพบปะพูดคุยกันระหว่างนายปูตินและนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีน ซึ่งรวมถึงข้อตกลงระหว่างรัฐบาลเพื่อแจ้งเตือนอีกฝ่ายล่วงหน้าหากจะมีการยิงขีปนาวุธ โดยซูคอฟกล่าวว่า ข้อตกลงต่างๆนับเป็นความเคลื่อนไหวที่สำคัญยิ่งของสองประเทศ โดยเฉพาะในยามวิกฤตซึ่งทำให้การค้าของสองประเทศซบเซาลงมาก
ด้านสื่อจีนได้รายงานก่อนหน้านี้ว่า ข้อตกลงต่างๆมีมูลค่ากว่า 5.5 พันล้านดอลลาร์ และครอบคลุมภาคอุตสหากรรมต่างๆตั้งแต่พลังงานและการคมนาคมขนส่ง ไปจนถึงการเงินและการสื่อสาร โดยคาดว่าจะสามารถสรุปข้อตกลงกันได้ในระหว่างที่นายกฯรัสเซียเดินทางเยือนจีน
โดยไชน่า เดลี่ รายงานว่า ข้อตกลงเหล่านี้รวมถึงข้อตกลงครั้งสำคัญระหว่างไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม คอร์ป และ ก๊าซพรอมเพื่อส่งออกก๊าซธรรมชาติไปยังจีนเพิ่มขึ้น รวมถึงสัญญาการสร้างโรงกลั่นร่วมทุนกันในเมืองเทียนจิน
หนังสือพิมพ์รายงานว่า นอกเหนือจากความร่วมมือด้านพลังงานแล้ว ยังอาจมีการทำข้อตกลงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงด้วย โดยตัน จีจุน จาก China Foreign Affairs University ในกรุงปักกิ่งกล่าวว่า เนื่องด้วยเหตุที่ต้องเผชิญวิกฤตการเงิน รัสเซียจึงมีความกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษที่จะพัฒนาการค้าและธุรกิจกับจีนในสาขาต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ความร่วมมือด้านพลังงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาพเทคโนโยชั้นสูงด้วย
ทั้งนี้ รัสเซียและจีนได้เริ่มต้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกันขึ้นในปี 2539 และนับจากนั้น การค้าระหว่างสองประเทศก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนมาอยู่ที่ระดับ 5.69 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว
เศรษฐกิจของรัสเซีย ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการเงินโลก และกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยครั้งแรกในรอบสิบปี โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศจะหดตัว 7.5% ในปีนี้
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก ยังคงสามารถขยายตัวในระดับที่รวดเร็ว และคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวตามเป้า 8% ในปีนี้
เมื่อช่วงต้นปีนี้ จีนและรัสเซียได้เซ็นสัญญาหลายฉบับ ซึ่งรวมถึงโครงการก่อสร้างท่อส่งน้ำมันดิบ และข้อตกลงการค้าซื้อขายน้ำมันดิบระยะยาว