นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้เห็นชอบ ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยเป็นการปรับแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตรา 67
ทั้งนี้ ครม.ได้มอบหมายให้นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไปทำความเข้าใจภาคประชาชนและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เพื่อจัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหาตามรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 สัปดาห์เพื่อออกระเบียบปฏิบัติได้
สาระสำคัญในร่างแก้ไขกฎหมายดังกล่าว ได้แก่ การกำหนดให้รัฐมนตรีสามารถประกาศกำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจกรรมของหน่วยงานรัฐหรือเอกชนใดเป็นโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ
การจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะต้องประเมินผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในชุมชน และจัดให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติกำหนด
การแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อพิจารณารายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม อย่างน้อยจะต้องมีผู้ทรงคุณวุฒิหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ และสุขภาพ ซึ่งในกรณีที่คณะกรรมการฯ เห็นชอบกับรายงานวิเคราะห์ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)จัดส่งรายงานนั้นให้องค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับโครงการหรือกิจกรรมที่จัดทำรายงานดังกล่าวพิจารณาให้ความเห็นภายใน 90 วัน ถ้าไม่ทันตามกำหนดให้ถือว่าองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมนั้นให้ความเห็นชอบแล้ว จากนั้นให้นำเสนอครม.
แต่ในกรณีที่องค์การอิสระฯ ไม่ให้ความเห็นชอบหรือมีความเห็นแตกต่างหรือมีความเห็นเพิ่มเติม ให้ สผ.เสนอความเห็นดังกล่าวต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณา ถ้าคณะกรรมการฯ เห็นชอบรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วก็ให้ดำเนินการต่อไป
สำหรับองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมนั้น นิติบุคคลหรือคณะบุคคลที่มีผู้แทนองค์กรเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันการศึกษาที่จัดการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือสุขภาพ มีสิทธิจดทะเบียนเป็นองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อมต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กรณีที่ สผ.ส่งรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้องค์การอิสระฯ ใดพิจารณาให้ความเห็นองค์การดังกล่าวอาจได้รับค่าตอบแทนตามหลักเกณฑ์ และ สผ.มีอำนาจเรียบเก็บค่าตอบแทนจากเจ้าของโครงการหรือกิจกรรมเพื่อเป็นค่าตอบแทนแก่องค์การอิสระฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังไม่มีองค์การอิสระด้านสิ่งแวดล้อม ให้ สผ..แต่งตั้งผู้แทนองค์กรเอกชนที่ดำเนินกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และผู้แทนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติหรือสุขภาพ ตามจำนวนที่เห็นสมควรเพื่อทำหน้าที่เป็นองค์การอิสระฯ ได้