สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นดัชนีหลักที่ใช้วัดภาวะเงินเฟ้อและเป็นดัชนีหลักที่ธนาคารกลางอังกฤษใช้ในการตัดสินใจเรื่องนโยบาย ร่วงลงแตะระดับ 1.1% ในเดือนก.ย. จากระดับ 1.6% ในเดือนส.ค. ถือเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2547
ขณะที่ดัชนีราคาผู้ค้าปลีก (RPI) ซึ่งเป็นดัชนีที่ใช้ชี้วัดเงินเฟ้ออีกทางหนึ่งโดยรวมต้นทุนเกี่ยวกับบ้าน ร่วงลงแตะที่ -1.4% ในเดือนก.ย. จากระดับ -1.3% ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ ธนาคารกลางอังกฤษตั้งเป้าที่จะรักษาตัวเลขเงินเฟ้อไว้ที่ระดับ 2% เพื่อเสถียรภาพของราคาซึ่งจะส่งผลสืบเนื่องถึงเสถียรภาพของเศรษฐกิจในวงกว้าง
สำนักงานสถิติฯรายงานว่า เงินเฟ้อเดือนก.ย.ร่วงลงมากกว่าที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยค่าไฟฟ้า แก๊ส และเชื้อเพลิงอื่นๆ ร่วงลง 7.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี
โจนาธาน ลอยน์ส จากแคปิคอล อีโคโนมิคส์ กล่าวว่า ราคาพลังงานที่สูงขึ้นจะทำให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นอีกครั้งในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ การกลับมาคิดภาษีมูลค่าเพิ่มที่อัตรา 17.5% จากอัตราชั่วคราวที่ 15% ในปัจจุบันนั้น ก็อาจผลักดันให้ CPI กลับมาสู่ระดับ 2% ได้
ขณะเดียวกัน คีธ เวด หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ชโรเดอร์ส ยูเค คาดการณ์ว่า นี่อาจเป็นจุดต่ำสุดของเงินเฟ้อแล้วก็เป็นได้