World Today: สรุปข่าวต่างประเทศประจำวันที่ 14 ตุลาคม 2552

ข่าวต่างประเทศ Wednesday October 14, 2009 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

อินเทล คอร์ป บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่สุดของโลกคาดการณ์ว่า ยอดขายและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทสูงกว่าที่ได้มีการประเมินไว้ ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่บ่งชี้ว่า ดีมานด์คอมพิวเตอร์กำลังฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย ส่งผลให้หุ้นอินเทลพุ่งสูงขึ้นถึง 6.9%

-- อัตราการยึดบ้านหลุดจำนองของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะไต่ระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปีหน้า และอาจพุ่งถึงจุดสูงสุดหากอัตราว่างงานของสหรัฐพุ่งทะยานขึ้นแตะระดับ 10.2% ในไตรมาส 2

-- เติ้ง จีหลิน ผู้จัดการทั่วไปของวูฮาน ไออน แอนด์ สตีล กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดของโลก รวมทั้งประธานสมาคมเหล็กและเหล็กกล้าจีนเปิดเผยว่า จีนเตรียมออกแผนการควบคุมการผลิตเหล็กที่สูงเกินไป เพื่อลดภาวะอุปทานมากเกินความต้องการ (oversupply) โดยในขณะนี้รัฐบาลได้จัดทำแผนการณ์ที่จะระบุถึงวิธีการในการปิดโรงงานที่ล้าสมัย การยกระดับการควบรวมกิจการ และการลดจำนวนบริษัทผู้นำเข้าสินแร่เหล็กภายในช่วงสิ้นปีนี้

-- เวสต์แพค แบงกิ้ง คอร์ป ร่วมกับสถาบันวิจัยเมลเบิร์น รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.7% แตะระดับ 121.4 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี สะท้อนให้เห็นว่า การที่ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างพลิกความคาดหมายเมื่อสัปดาห์ที่แล้วไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการใช้จ่ายในภาคครัวเรือนของออสเตรเลีย

-- บริษัท แมคกรอว์-ฮิลล์ (McGraw-Hill) ซึ่งเป็นพิมพ์หนังสือประเภทตำราเรียนและเป็นเจ้าของสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ตกลงขายกิจการบิสิเนสวีค (BusinessWeek) ให้กับบริษัท บลูมเบิร์ก แอลพี (Bloomberg LP) โดยนายปีเตอร์ กรอเออร์ ประธานบลูมเบิร์กกล่าวในแถลงการณ์วันนี้ว่า การเข้าซื้อกิจการบิสิเนสวีคจะช่วยเสริมสร้างการบริการออนไลน์ โทรทัศน์ และการให้บริการข่าวสารบนมือถือของบลูมเบิร์กให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งการเข้าซื้อครั้งนี้ครอบคลุมถึงการซื้อเว็บไซต์ BusinessWeek.com

-- ยอดการส่งออกของจีนในเดือนก.ย.อ่อนตัวลง 15.2% จากระดับปีที่แล้ว และเมื่อเปรียบเทียบกับยอดเดือนส.ค.ที่ดิ่งลง 23.4% และเทียบกับผลการสำรวจของนักเศรษฐศาสตร์โดยบลูมเบิร์กนิวส์ที่คาดว่า จะอ่อนตัวลง 21% โดยยอดการส่งออกของจีนที่ชะลอตัวลงในระดับที่เชื่องช้าที่สุดในรอบ 9 เดือนนั้น ช่วยให้รัฐบาลจีนสามารถรักษาระดับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศได้

-- ยูเรก้าเฮดจ์ (Eurekahedge) ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่บริษัทและสถาบันการเงินทั่วโลก รายงานว่า รายได้ของเฮดจ์ฟันด์ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือน เนื่องจากตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง

-- สมาคมธุรกิจสร้างบ้านแห่งอังกฤษ คาดการณ์ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษยังไม่สามารถฟื้นตัวอย่างยั่งยืนได้นอกเสียจากว่าผู้ประกอบการจะเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

-- ที่ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ซึ่งประชุมกันเป็นวันที่ 2 ในวันนี้ มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ระดับเดิมที่ 0.1% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบีโอเจยังไม่ตัดสินใจเรื่องการขยายโครงการซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะหมดอายุลงในปลายปีนี้

-- ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) รายงานว่า ราคาผู้ผลิตของญี่ปุ่นร่วงลง 7.9% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลง 9 เดือนติดต่อกัน เนื่องจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ถูกลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ประกอบกับอุปสงค์วัตถุดิบที่ลดลงอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ

-- โดนัลด์ ซัง ประธานเขตปกครองพิเศษฮ่องกงเปิดเผยในวันนี้ว่า ราคาที่พักอาศัยที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ทำให้เกิดความวิตกกังวลมากขึ้นเรื่องภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลฮ่องกงต้องทบทวนนโยบายเพื่อเร่งการนำที่ดินออกขายในตลาด

-- ริโอทินโต กรุ๊ป บริษัทเหมืองรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกเปิดเผยว่า ผลผลิตเหล็กดิบในไตรมาส 3 พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากอุปสงค์จากผู้ผลิตเหล็กในจีนปรับตัวสูงขึ้น

-- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของญี่ปุ่นในเดือนก.ย.ขยับขึ้น 0.4 จุด จากระดับเดือนส.ค. มาอยู่ที่ 40.5 จุด ซึ่งถือเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 แต่ดัชนีปรับตัวขึ้นในระดับที่ชะลอตัวลงกว่าเดิม

-- สำนักงานสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้เปิดเผยว่า อัตราว่างงานภายในประเทศประจำเดือนก.ย.ร่วงลงแตะระดับ 3.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 9 เดือน และลดลงจากระดับ 3.7% ในเดือนส.ค. นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเกาหลีใต้กำลังฟื้นตัวรวดเร็วกว่าประเทศอื่นๆในภูมิภาค

-- จิม โรเจอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ระดับแนวหน้าของโลกและเจ้าของบริษัท โรเจอร์ส โฮลดิ้งส์ คาดการณ์ว่า ราคาข้าวและฝ้ายจะพุ่งขึ้นในช่วง 10 ปีข้างหน้า ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆจะทะยานขึ้นด้วย เนื่องจากสต็อกสินค้าปรับตัวลดลงและเกิดปัญหาติดขัดด้านการผลิต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ