กทพ.เล็งตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภคหาเงินทุนสร้างโครงการทางพิเศษในอนาคต

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 14, 2009 18:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พ.ท.ทวีสิน รักกตัญญู ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาหาแหล่งเงินทุนนอกเหนือจากการกู้เงิน เพื่อลงทุนก่อสร้างโครงการทางพิเศษต่างๆ ในอนาคต ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

สาเหตุที่ กทพ.ต้องศึกษาเรื่องนี้เนื่องจากการกู้เงินในปัจจุบันของภาครัฐมีข้อจำกัดเพดานหนี้สาธารณะจึงต้องหาแหล่งเงินทุนอื่นทดแทนเพื่อให้โครงการก่อสร้างต่างๆ สามารถดำเนินการต่อไปได้ โดยแนวทางที่เป็นไปได้ เช่น การจัดตั้งกองทุนรวมสาธารณูปโภค โดยนำทรัพย์สินของ กทพ.มาตีมูลค่าแล้วใช้วิธีขายพันธบัตรเพื่อระดมทุน ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้กันในหลายประเทศ

"วิธีนี้จะมีข้อดีคือทรัพย์สินทั้งหมดยังเป็นของรัฐ และการทางพิเศษฯ ยังมีสิทธิในการบริหารจัดการโครงการ ลดปัญหาข้อพิพาทต่างๆ ในอนาคตเพราะไม่มีคู่สัญญา ส่วนแนวทางอื่น เช่น การเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมในการลงทุน มีทั้งรูปแบบการให้สัมปทานหรือวิธีการอื่นๆ รวมทั้งการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์หรือซีเคียวริไทเซชั่นเหมือนการนำสินทรัพย์ไปจำนอง หากรัฐบาลไม่ต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามาควรใช้วิธีนี้" พ.ท.ทวีสิน กล่าว

นอกจากนี้ กทพ.ยังมีแผนหารายได้เพิ่มนอกเหนือจากรายได้ค่าผ่านทาง เช่น การใช้พื้นที่ใต้ทางด่วนในเชิงพาณิชย์ โดย กทพ.ได้ว่าจ้างคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำแผนแม่บทการพัฒนาพื้นที่ในเขตทางพิเศษ เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คาดจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่มีรายได้จากพื้นที่ใต้ทางด่วนปีละ 100 ล้านบาท

สำหรับโครงการก่อสร้างทางพิเศษที่จะดำเนินการในเร็วๆ นี้ คือ โครงการทางพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก ระยะทาง 17 กม. อยู่ระหว่างรออนุมัติจาก ครม. คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ช่วงกลางปี 2553 โครงการนี้ช่วยรองรับปริมาณจราจรจากถนนบรมราชชนนี ถนนสิรินธร ถนนจรัลสนิทวงศ์ เบื้องต้นคาดจะใช้เงินลงทุน 1.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 1.6 หมื่นล้านบาท และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน 9.5 พันล้านบาท ส่วนรูปแบบการจัดเก็บค่าผ่านทาง คาดว่า จะใช้ระบบปิด คือจัดเก็บตามระยะทาง เพื่อความเป็นธรรมของผู้ใช้บริการ

ผลประกอบการในปีงบประมาณที่ผ่านมา(1 ต.ค.51-30 ก.ย.52) พบว่า กทพ.มีรายได้รวม 7.3 พันล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งมีรายได้รวม 5.8 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท สาเหตุที่รายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการเปิดใช้โครงการทางพิเศษเพิ่มขึ้นหลายเส้นทาง ส่วนในปีงบประมาณ 2553 ตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 8.3 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2.8 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ