กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกสหรัฐในเดือนก.ย.อ่อนตัวลง 1.5% หลังจากที่ยอดขายรถร่วงลงเพราะนโยบายรถเก่าแลกรถใหม่ที่รัฐบาลได้นำมาใช้ก่อนหน้านี้หมดอายุลงแล้ว อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกที่ปรับตัวลงนี้ยังดีว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดว่าจะร่วงลง 2.1%
ยอดขายรถในสหรัฐร่วงลง 10.4% แต่หากไม่นับรวมยอดขายรถแล้ว ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
ความต้องการของผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 70% ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมด กำลังถูกจับตาโดยนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งเป็นห่วงว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะหยุดชะงัก เนื่องจากความผันผวนในอนาคตที่ภาคครัวเรือนยังคงต้องเผชิญ
พอล เดลส์ นักเศรษฐศาสตร์ของแคปิตอล อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า ยอดขายที่ไม่นับรวมยานยนต์ที่สูงขึ้นนั้นยังคงอยู่ในระดับปานกลาง นอกจากนี้ สถานภาพทางการเงินของภาคครัวเรือนยังคงตึงตัวเนื่องจากการจ้างงานที่ร่วงลง รายได้ที่อ่อนตัว และสินเชื่อที่ตึงตัว