นักการธนาคารจากเอดินบะระกล่าวว่า อังกฤษอาจต้องสูญเสียสินทรัพย์ให้กับประเทศในเอเชียอย่างดูไบ ฮ่องกง และสิงคโปร์ หลังรัฐบาลประกาศขึ้นภาษีสำหรับผู้มีฐานะดี
ไมค์ สมิธ นักการธนาคารจากบริษัท SG Hambros กล่าวว่า ผู้ที่มีรายได้เกิน 150,000 ปอนด์ (237,664 ดอลลาร์) ต่อปีจะต้องจ่ายภาษีสูงถึง 50% ตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ขณะเดียวกันการเก็บภาษีรายได้และภาษีมรดกก็มีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน นั่นส่งผลให้คนรวยบริหารเงินได้น้อยลง
"เมื่อรัฐบาลไม่มีเงินพวกเขาก็จะหันมาหาคนรวยก่อน มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการเงินด้วยซ้ำ" สมิธ กล่าว "คนรวยหลายคนปลงแล้วว่าสถานการณ์คงเลวร้ายลงเรื่อยๆ"
รัฐบาลขึ้นภาษีคนรวยเพราะต้องการนำเงินมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจและลดตัวเลขขาดดุลงบประมาณที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ขณะเดียวกันพรรคฝ่ายค้านเองก็ยืนยันว่าจะตรึงดอกเบี้ยคนรวยไว้ที่ 50% หากชนะการเลือกตั้งในเดือนมิถุนายนปีหน้า
เทรย์ซี เอมิน ศิลปินดังในอังกฤษ กล่าวว่า เธออาจย้ายไปอยู่ฝรั่งเศสเนื่องจากไม่ต้องการเสียภาษีไปมากกว่านี้แล้ว ขณะที่ เทอร์รี เลฮี ซีอีโอของ เทสโก พีแอลซี บริษัทค้าปลีกรายใหญ่สุดของประเทศ กล่าวว่ารัฐบาลควรช่วยเหลือผู้ประกอบการด้วยการไม่ขึ้นภาษี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน