กระทรวงการคลังสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์เงินหยวนของจีนว่า "ขาดความยืดหยุ่น" และกล่าวว่าจีนอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากเกินไป อย่างไรก็ตาม การแสดงความคิดเห็นครั้งนี้สหรัฐไม่ได้ระบุว่าจีนปั่นค่าเงินหยวน
"เงินหยวนของจีนขาดความยืดหยุ่น และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนที่มีอยู่มากเกินไปส่งผลให้กลุ่มประเทศคู่ค้ามีความเสี่ยงที่จะเผชิญตัวเลขขาดดุลการค้า ภาวะความไม่ยืดหยุ่นทั้งกับสกุลเงินหยวนและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงและสมควรได้รับการแก้ไข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจโลกมีดุลยภาพมากขึ้นอย่างสอดคล้องกับกรอบการทำงานของกลุ่ม G20 ซึ่งจนถึงขณะนี้กระทรวงการคลังสหรัฐยังคงมองว่าเงินหยวนของจีนมีมูลค่าต่ำเกินจริง" กระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวในรายงานที่ยื่นต่อสภาคองเกรสสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม รายงานฉบับดังกล่าวไม่บ่งชี้ว่ากระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่าจีนปั่นค่าเงินหยวนอย่างผิดกฎหมายในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งท่าทีที่เป็นบวกมากขึ้นของสหรัฐมีขึ้นหลังจากผู้นำกลุ่ม G20 กำหนดกรอบการทำงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัวอย่างยั่งยืนและลดภาวะไม่สมดุลด้านการค้าและการลงทุน โดยที่ประชุม G20 คาดหวังว่ากรอบงานดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นดีมานด์ในประเทศจีน เพิ่มอัตราการออมในสหรัฐ และเพิ่มอัตราการลงทุนในยุโรป
บลูมเบิร์กรายงานว่า โฆษกธนาคารกลางจีนและกระทรวงการต่างประเทศของจีนยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวของสหรัฐ
จีนยังคงติดอันดับประเทศที่มีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดในโลก โดยในไตรมาส 3 ปีนี้ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนพุ่งขึ้น 1.41 แสนล้านดอลลาร์ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.273 แสนล้านดอลลาร์ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นสามารถดึงดูดเม็ดเงินเก็งกำไร
ที่ผ่านมานั้น คณะทำงานของบารัค โอบามา ต้องการให้จีนใช้นโยบายที่สร้างความยืดหยุ่นให้กับเงินหยวนเพื่อให้การค้าโลกมีความสมดุล โดยสหรัฐแสดงเจตนารมณ์ดังกล่าวผ่านทั้งการประชุมระดับทวิภาคีและการประชุม G20 แต่ทางการจีนตอบโต้สหรัฐด้วยการพยายามเสนอที่ประชุม G20 ให้ใช้สกุลเงินอื่นเป็นสกุลเงินหลักในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศแทนดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม G20 ครั้งล่าสุดที่เมืองพิทท์สเบิร์กไม่ได้ชูประเด็นสกุลเงินดอลลาร์เป็นประเด็นหลัก