นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมผู้ค้าทองคำ และประธานกรรมการบริษัทห้างทองจินฮั้วเฮง จำกัด เปิดเผยว่า หากบริษัทตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (TFEX) มีการเพิ่มสัญญาล่วงหน้าอ้างอิงราคาทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส)ที่มีขนาดสัญญาอ้างอิงน้ำหนักทองคำ 10 บาทต่อสัญญา ในปีหน้า จากปัจจุบันที่มีขนาดสัญญาอ้างอิงทองคำหนัก 50 บาทต่อสัญญาอยู่นั้นอาจจะส่งผลกระทบ ต่อร้านขายทองคำแท่งลดลงแม้จะเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนรายย่อยหันไปลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้นก็ตาม แต่คาดว่าเมื่อเปิดให้ซื้อขายในสัญญาอ้างอิงทองคำ 10 บาทจะทำให้วอลลุ่มเทรดการซื้อขายทองคำลดลง 50%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการเพิ่มสินค้าในโกลด์ฟิวเจอร์สให้มากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อร้านขายทองให้มีการปิดกิจการมากขึ้นกว่าปีนี้ ที่มีร้านขายทองคำจำนวน 7,000 แห่ง ซึ่งจะเป็นลักษณะที่จะทยอยปิด โดยมีการปิดกิจการไปแล้วประมาณ 100 แห่ง ส่วนสาเหตุการปิดในปีนี้มาจากการที่ราคาทองคำยังอยู่ในระดับที่สูงเมื่อปิดกิจการก็จะมีกำไร นอกจากนี้มองว่าร้านค้าทองจะอยู่ลำบากเพราะประชาชนจะหันไปเทรดโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้น ดังนั้นผู้ค้าทองคำจะต้องปรับตัวด้วยการมีทั้ง 2 ตลาด คือตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สและตลาดทองคำ
"การที่เปิดให้ซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สอ้างอิงน้ำหนักทองคำ 10 บาท ต่อสัญญาเป็นการเพิ่มสินค้าในโกลด์ฟิวเจอร์สก็จริงแต่เชื่อ ว่าคงส่งผลกระทบต่อร้านขายทองให้มีการปิดกิจการ ซึ่งเป็นเรื่องที่หนักแล้วของร้านค้าทอง ส่วนข่าวลือที่จะมีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ อ้างอิงราคาทองคำหนัก 1 บาทต่อสัญญานั้น มองว่าจะยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ร้านขายทองปิดกิจการเร็วมากขึ้น" นายจิตติกล่าว
สำหรับแนวโน้มราคาทองคำในช่วงสิ้นปีนี้คาดว่าจะแกว่งตัวในระดับ 1,020-1,085 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากรา คาทองคำมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่า 1,085 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ คาดว่าราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1,120 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์โดยการเคลื่อนไหวราคาทองคำนั้นจะขึ้นต่อหรือไม่นั้นจะขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ซึ่งหากค่าเงินดอลลาร์มีการอ่อนค่าลงก็จะทำให้นักลงทุนหันมาซื้อทองคำเพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน แต่หากปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,020 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ คงจะต้องมีการประเมินใหม่อีกครั้งจากปัจจัยที่เข้ามากระทบ
ด้านนายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า คาดว่าปีหน้าตลาดอนุพันธ์จะมีการ เพิ่มสินค้าในโกลด์ฟิวเจอร์สประมาณ 2 สินค้า คือ โกลด์ฟิวเจอร์สอ้างอิงทองคำหนัก 10 บาทต่อสัญญา และกองทุนอีทีเอฟอ้างอิงราคาทองคำ ซึ่งจะทำให้มีเครื่องมือการลงทุนในทองคำปีหน้าจะครบวงจรมากขึ้น และจะทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้น และยังเป็นการบริหารความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าส่วนแบ่งการตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สที่ 4% ซึ่งคาดว่าอีก 2 เดือนวอลุ่มการซื้อขายของบริษัทน่าจะมาก ขึ้น จากทิศทางราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้น และจะส่งผลให้บริษัทมีมาร์เกตแชร์เพิ่มเป็น 6% ตามเป้าหมายได้ โดยหากราคาทองคำ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้นจะทำให้โบรกเกอร์โกลด์ฟิวเจอร์สถึงจุดคุ้มทุนได้เร็วขึ้น ส่วนการที่จะมีการเปิดโกลด์ฟิวเจอร์สอิงทองคำน้ำหนัก 10 บาทนั้น ชื่อว่าจะมีร้านทองเข้ามาทำหน้าที่ในการให้คำแนะนำนักลงทุนให้เข้ามาซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน