สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานว่า ดุลการค้าของประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศ หรือ ยูโรโซน ร่วงลงสู่ภาวะขาดดุลในเดือนสิงหาคม ซึ่งสวนทางกับยอดเกินดุลการค้าในเดือนก.ค. ซึ่งการขาดดุลดังกล่าวเป็นผลมาจากยอดส่งออกร่วงลงมากกว่ายอดนำเข้า
โดยตัวเลขขาดดุลการค้าเดือนส.ค.อยู่ที่ 4 พันล้านยูโร (6 พันล้านดอลลาร์) เทียบกับยอดเกินดุลที่ 1.23 หมื่นล้านยูโรในเดือนก.ค. ขณะที่เดือนส.ค.ปีที่แล้วยูโรโซนมียอดขาดดุลการค้า 1.1 หมื่นล้านยูโร ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ขาดดุลการค้านั้นเป็นเพราะ ตัวเลขส่งออกเดือนส.ค.ร่วงลงถึง 5.8% จากเดือนก.ค. เทียบกับยอดนำเข้าที่ลดลงแค่ 1.3%
สำหรับประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศ หรือ กลุ่มอียู มียอดขาดดุลการค้า 1.21 หมื่นล้านยูโรในเดือนส.ค.
ฮาวเวิร์ด อาร์เชอร์ จากไอเอชเอส โกลบัล อินไซท์ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าวิตกสำหรับแนวโน้มการฟื้นตัวของยูโรโซน เมื่อยอดส่งออกเดือนส.ค.ร่วงลงมากถึง 5.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าการลดลงของตัวเลขนำเข้าไม่สามารถเป็นตัวบ่งชี้ว่าดีมานด์ในประเทศปรับตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด