รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)ระบุการทำความตกลงด้านการลงทุนของกลุ่มประเทศในอาเซียน(Asian Comprehensive Investment Agreement:ACIA) ไม่ส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรม ประมง และอุตสาหกรรมป่าไม้ของไทย เนื่องจากยังมีกฎหมายฉบับอื่นคุ้มครองอยู่
"จะไม่มีการเปิดเสรีการทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ การทำป่าไม้จากป่าธรรมชาติ การทำประมงหรือจับสัตว์น้ำในเขตน่านน้ำไทย โดยอาชีพเหล่านี้จะต้องเป็นไปตามกฎหมายภายในประเทศที่กำหนดให้คนต่างชาติถือหุ้นได้ข้างน้อยเท่านั้นจึงจะทำได้ จะไม่มีการเปิดให้ต่างชาติข้างมากเข้ามาประกอบอาชีพของเกษตรกรไทยอย่างแน่นอน" น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าว
รองเลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า บีโอไอไม่แนวคิดที่จะเพิ่มเติมรายการที่ประเทศไทยจะเปิดเสรีกับกลุ่มสมาชิกอาเซียน ยกเว้น 3 รายการที่ประเทศไทยเคยตกลงกับชาติสมาชิกอาเซียนมาตั้งแต่ปี 2541 ซึ่งประกอบด้วย การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเพาะ ขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช และการทำป่าไม้จากป่าปลูกเท่านั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่บีโอไอกำลังจัดทำรายการข้อสงวนสำหรับการเปิดเสรีการลงทุนดังกล่าว
"การเปิดเสรี 3 รายการนี้ไม่ได้หมายความว่า นักลงทุนอาเซียนจะสามารถเข้ามาลงทุนทำกิจการได้โดยเสรี แต่การเปิดเสรีนี้ก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับอื่นๆ ของประเทศไทย ที่กำหนดไว้ด้วย เช่น พืชชนิดใดที่เป็นอาชีพสงวนของคนไทย พืชชนิดใดที่ห้ามมิให้ต่างชาติเพาะปลูก" น.ส.อัจฉรินทร์ กล่าว
นอกจากนี้ ในการทำความตกลงด้านการลงทุนของอาเซียน บีโอไอยังได้เปิดช่องในการทำรายการข้อสงวน เพื่อให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องสามารถสงวนพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์น้ำที่มีความอ่อนไหว หรืออาจส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและคนไทยได้ โดยใช้กฎหมายภายในประเทศสงวนสิทธิ์ให้เฉพาะคนไทยทำได้เท่านั้น ซึ่งเมื่อการจัดทำรายการข้อสงวนแล้วเสร็จ บีโอไอจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี และสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามขั้นตอนมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญไทยต่อไป