ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เพราะได้รับอานิสงส์จากการสร้างบ้านเดี่ยวที่ดีดตัวขึ้น
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการเริ่มสร้างบ้านและอพาร์ทเม้นท์ในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ระดับ 590,000 ยูนิต แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวที่ 610,000 ยูนิต ส่วนตัวเลขการอนุญาตก่อสร้างบ้านลดลง 1.2% ซึ่งนับเป็นระดับการทรุดตัวลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่ดิ่งลง 2.5% ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ยอดก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยวเพิ่มขึ้น 3.9% แตะที่ 501,000 ยูนิต ซึ่งดีดตัวขึ้นหลังจากที่ลดลง 4.7% ในเดือนส.ค. ขณะที่อัตราการสร้างบ้านสำหรับครอบครัวขยายตกลง 15.2% หลังจากที่ขยายตัวขึ้น 20.7% ในเดือนก่อนหน้านี้
ข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลว่า การฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจเผชิญกับภาวะชะงักงันจากอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้นและจากการที่นโยบายปล่อยเงินกู้เพื่อช่วยเหลือด้านภาษี 8,000 ดอลลาร์สหรัฐของรัฐบาลที่จัดสรรให้ผู้ซื้อบ้านนั้นจะหมดอายุลงในช่วงสิ้นเดือนพ.ย.นี้
ทั้งนี้ ตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐเผชิญอุปสรรคในการฟื้นตัวช่วงปีนี้ หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักจนฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจโดยรวมให้เผชิญกับภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2473
ขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ก่อสร้างบ้านปรับตัวลดลงเล็กน้อยในเดือนต.ค.สู่ระดับ 18 จุด จากระดับ 19 จุดในเดือนก.ย. เพราะนโยบายการปล่อยเงินกู้ภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านใกล้หมดอายุลง