นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า หลังจาก ครม.เห็นชอบให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจสปา จากปัจจุบันที่จัดเก็บในอัตรา 10% ของรายรับจากการให้บริการ ซึ่งกรมฯ ได้แก้ไขและออกประกาศกรมสรรพสามิตเรื่อง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีสรรพสามิตให้แก่สถานบริการประเภทอาบน้ำหรืออบตัว และนวดในสถานบริการเสริมความงามหรือเพื่อสุขภาพ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ส่วนรายได้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1-18 ต.ค.52 ก่อนที่จะมีประกาศยกเว้นภาษีฯ ผู้ประกอบการทุกรายยังต้องชำระภาษีธุรกิจสปาในอัตรา 10% เช่นเดิม
และตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการที่ได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุขจะได้รับการยกเว้นภาษีทันที ส่วนผู้ประกอบการที่ยังไม่ได้รับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุขยังต้องมีหน้าที่เสียภาษีต่อไปจนกว่าจะได้รับหนังสือรับรองมาตรฐาน ดังนั้นผู้ประกอบการจะต้องดำเนินยื่นขอใบรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุขโดยด่วน เนื่องจากจะได้รับสิทธิการยกเว้นภาษีตั้งแต่วันที่ได้รับรองมาตรฐาน
อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า การยกเว้นภาษีดังกล่าวเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ประกอบกิจการสปาให้มีศักยภาพในการแข่งขันสู่ระดับสากล และส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการให้บริการสปา รวมถึงเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ อันจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในการดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศ