สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 2.8% ในปีหน้า และคาดว่าเศรษฐกิจในปีนี้จะหดตัว 1.1%
NIESR เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรง โดยเมื่อปีที่แล้วผลผลิตทั่วโลกหดตัวลงโดยเฉลี่ย 2.4% อันเนื่องมาจากการล้มละลายของวาณิชธนกิจเลห์แมน บราเธอร์ส นอกจากนี้ วิกฤตเศรษฐกิจโลกลุกลามต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเศรษฐกิจในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) หดตัวลง 4% ในช่วงเวลาดังกล่าว
มาร์ติน เวล ผู้อำนวยการ NIESR กล่าวว่า แม้ทั่วโลกยังคงเผชิญวิกฤตการณ์การเงินในขณะนี้ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นปีหน้า ส่วนในปีนี้นั้น NIESR ประมาณการว่าผลผลิตทั่วโลกจะหดตัวลง 8.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสแรก และหนี้สินของรัฐบาลในประเทศกลุ่ม OECD เพิ่มขึ้น 25% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของรัฐลดลงและอัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่พุ่งสูงขึ้น
NIESR คาดว่า ภายในปี 2553 จำนวนคนตกงานในกลุ่มประเทศ OECD จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจโลกคาดว่า จะได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย โดยเฉพาะจีน โดยคาดว่าตัวเลขจีดีพีจีนจะขยายตัว 8.2% ในปีนี้ และ 9.3% ในปีหน้า
"มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลในเอเชีย รวมถึงจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ช่วยกระตุ้นดีมานด์ภายในประเทศ ให้เพิ่มขึ้นด้วย อีกทั้งส่งผลให้วอลุ่มการค้าระหว่างประเทศในเอเชียแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ยอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในจีนและญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มลดลงในอีก 2-3 ปีข้างหน้า อาจสกัดกั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก" NIESR กล่าว
นอกจากนี้ NIESR ยังคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นเพราะได้ปัจจัยหนุนจากตลาดต่างๆที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงตลาดเงินและตลาดทุน โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัยว 1.3% ในปีหน้า และจะหดตัว 2.8% ในปีนี้
ส่วนในฝั่งยุโรปนั้น คาดว่า เศรษฐกิจจะยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ คาดว่าปัจจัยภายในและภายนอก รวมทั้งการแข็งค่าของสกุลเงินยูโร จะส่งผลให้วอลุ่มการค้าของยุโรปฟื้นตัวช้าในปีหน้า และคาดว่าจีดีพีในยุโรปจะขยายตัวเพียง 0.8% เท่านั้น สำนักข่าวซินหัวรายงาน