นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะกรรมการในคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ให้ความเห็นในนามส่วนตัวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจไทยปรับตัวในทางที่ดีขึ้นชัดเจน แม้ว่าทั้งปี 52 เศรษฐกิจยังติดลบก็ตาม และคาดว่าในปีหน้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)จะดีขึ้นกว่าปีนี้มาก
"ถ้ามองเศรษฐกิจตอนนี้มันยกตัวกลับเข้ามาสู่ในระดับก่อนวิกฤติล่าสุดแล้ว ถ้าเศรษฐกิจปีนี้ติดลบ 3% ก็ไม่มีนัยต่อหลักเศรษฐศาสตร์ แต่มันก็กระจายปัญหาไปสู่กลุ่มคนตกงานและภาคเกษตรเท่านั้น ซึ่งรัฐบาลก็มีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มพวกนี้ไปแล้ว" นายจักรมณฑ์ กล่าว
นายจักรมณฑ์ กล่าวว่า ตัวเลขเศรษฐกิจทุกอย่างปรับตัวดีขึ้น ยอดขายรถยนต์ล่าสุดเริ่มปรับตัวสูงขึ้น การส่งออกและการท่องเที่ยวก็ปรับตัวดีขึ้น เห็นได้จากยอดจองสายการบินในช่วงปลายปีเพิ่มขึ้น ปริมาณการขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ผ่านท่าเรือแหลมฉบังก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งการส่งออกในเดือน ก.ย.ล่าสุดก็ติดลบน้อยลงเมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับภูมิภาคเอชีย
สำหรับปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงคือการลงทุนในพื้นที่มาบตาพุดที่หยุดชะงักลงไป หากจบได้และมีทางออกที่ดีก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองนั้นทุกคนก็รับรู้ความรู้สึกมานานแล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรใหม่ ส่วนการชุมนุมทางการเมืองเดี๋ยวก็ไปเดี๋ยวก็มา
ด้านเสถียรภาพของรัฐบาลไม่น่าจะกระทบกับโครงการไทยเข้มแข็งมากนัก ซึ่งหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็คงเดินหน้าต่อไปได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ หรือต่อให้เปลี่ยนรัฐบาลก็เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ก็คงเข้ามาสานต่อเพราะผ่านการพิจารณาของสภาฯแล้ว แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็กน้อย เชื่อว่าจะมีเงินลงสู่ระบบอย่างแน่นอน เพราะคนคาดหวังไว้มาก
นายจักรมณฑ์ มองว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ดูแลค่าเงินบาทได้ดีแล้ว เพราะจะช่วยการส่งออกมากไปก็ไม่ได้ ต้องทำให้เกิดความสมดุลย์ในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่ง ธปท.ถือเป็นเรื่องหลัก อย่างไรก็ตามปัจจุบัน ธปท.พยายามให้เงินบาทเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับคู่ค้าและคู่แข่ง คือทำเท่าที่จะทำได้