นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ระบุว่า ในปีงบประมาณ 53 มีข่าวดีที่รัฐบาลจะจัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ที่ 1.35 ล้านล้านบาท ซึ่งจะเป็นโอกาสทำให้การขาดดุลงบประมาณในปีงบ 53 ต่ำกว่าที่กำหนดในในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการและการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และอาจทำให้ภาระหนี้สาธารณะอยู่ในระดับกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ เป็นผลดีต่อการดูแลเสถียรภาพการคลัง
พร้อมยืนยันด้วยว่า ปัจจุบันระดับฐานะการคลังของรัฐบาลมีความแข็งแกร่ง ซึ่งแม้ระดับหนี้สาธารณะที่จะอยู่สูงสุดที่ 60% แต่รัฐบาลสามารถรองรับภาระหนี้ดังกล่าวได้โดยไม่กระทบเสถียรภาพการคลังของประเทศ โดยที่ภาระงบประมาณต่อการชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยในแต่ละปีงบประมาณจะอยู่ระดับไม่เกิน 15% ตามกรอบความยั่งยืนทางการคลัง
"เสถียรภาพการคลังไม่มีอะไรน่ากังวล ฐานะการคลังอยู่ในระดับเข้มแข็ง การปรับขึ้นของหนี้สาธารณะอยู่ในระดับที่ดูแลได้ แต่สิ่งที่กังวล คือการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ ทั้งงบปกติ และงบลงทุนตามโครงการไทยเข้มแข็ง รวมถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของประชาชน" นายกรณ์ ระบุ
รมว.คลัง ยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยขณะนี้ฟื้นตัวได้เร็ว เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า และการดำเนินนโยบายของรัฐบาล ซึ่งคาดว่าไตรมาส 4/52 สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะชัดเจนมากขึ้น จึงมั่นใจว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)จะกลับมาเป็นบวกได้ จาก 3 ไตรมาสก่อนหน้านี้ที่ GDP ติดลบมาตลอด โดยทั้งปี 52 ยังเชื่อว่าจะติดลบราว 3%
ขณะที่ปี 53 คาดว่า GDP จะขยายตัวได้ 3% การดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลจะนำไปสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน เป็นนโยบายที่แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในภาพรวมได้ และจะส่งผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
"เศรษฐกิจไทยถือว่าฟื้นตัวเร็วที่สุดในโลก จากที่เคยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบถึง 9% เป็นอัตราที่เลวร้ายที่สุด แต่ตอนนี้เห็นได้แล้วว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น และมีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน การส่งออกเริ่มดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งปีนี้จึงคาดว่า GDP -3% ตามที่ สศค.ประมาณการณ์ไว้" นายกรณ์ ระบุ