เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ซึ่งเปิดฉากนำร่องเป็นธนาคารที่สามารถฝ่ายวิกฤตการเงินโดยไม่เคยขาดทุนรายไตรมาส กำลังก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่มีเงินมากกว่าคู่แข่งรายสำคัญอย่างโกลด์แมน แซคส์ เนื่องจากเจพีมอร์แกนเก็บเกี่ยวค่าธรรมเนียมจากการให้คำปรึกษาลูกค้าเรื่องการควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นได้มากกว่าโกลด์แมน แซคส์
เจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกน เป็นแกนนำคนสำคัญที่วางยุทธศาสตร์ให้ธนาคารสามารถเก็บเกี่ยวค่าธรรมการให้คำปรึกษาในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ได้สูงถึง 1.26 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้าโกลด์แมน แซคส์ เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนยังแซงหน้าโกลด์แมน แซคส์ในเรื่องการทำอันเดอร์ไรท์หุ้นและเสนอขายตราสารหนี้ ซึ่งทำรายได้ให้กับเจพีมอร์แกนถึง 4 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าโกลด์แมน แซคส์ ถึง 2 เท่า
เจพีมอร์แกนมีกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ที่ 8.45 พันล้านดอลลาร์ แซงหน้าโกลด์แมน แซคส์ที่มีกำไรสุทธิ 8.44 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ เจพีมอร์แกนมีกำไรไตรมาส 3 ปีนี้พุ่งขึ้นแตะ 3.59 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าโกลด์แมน แซคส์ ที่มีกำไรไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.19 พันล้านดอลลาร์ ทำให้เจพีมอร์แกนก้าวขึ้นเป็นธนาคารที่สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในสหรัฐ
อลัน วิลลาลอน หัวหน้าฝ่ายวิจัยจากบริษัท เอฟเอเอฟ แอดไวซอรีส์ กล่าวว่า "เจพีมอร์แกนมีการบริหารจัดการที่ดีเยี่ยมซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถฟันฝ่าวิกฤตการณ์ไปได้ เจพีมอร์แกนพลิกวิกฤติ 'down cycle' ให้เป็นโอกาสด้วยการเก็บค่าธรรมเนียมการให้คำปรึกษาบริษัทต่างๆในควบรวมกิจการกัน สายสัมพันธ์ในแวดวงธุรกิจและฐานลูกค้าที่กว้างขวางเช่นนี้ช่วยให้เจพีมอร์แกนมีโอกาสในการทำกำไรมากกว่าคู่แข่ง" บลูมเบิร์กรายงาน