สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติของอังกฤษ (NIESR) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจอังกฤษยังคงมีความเปราะบางในขณะที่กำลังฟื้นตัว โดยคาดว่าอัตราการขยายตัวในปี 2553 และ 2554 จะขยายตัวได้เพียง 1.3% และ 1.5% ตามลำดับ
โดย NIESR เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอังกฤษจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่การฟื้นตัวจะยังไม่ค่อยแข็งแรงนักเพราะผลกระทบจากการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจลดลง 0.7% ในปี 2553 และขยับลงมาอยู่ที่ 0.1% ในปี 2554 เนื่องจากภาคครัวเรือนยังคงรัดเข็มขัดกันมากขึ้น
ด้านสัดส่วนเงินออมจะพุ่งขึ้น 8.2% ของรายได้ในปี 2554 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.7% ในปี 2551 ขณะที่การลงทุนภาคธุรกิจจะร่วงลง 6.9% ในปีหน้า หลังจากที่หดตัวลง 18.2% ในปีนี้ นอกจากนี้ NIESR คาดว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะหดตัวลง 4.4% ในปีนี้ จากผลกระทบของการใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่ตกต่ำ รวมถึงการลงทุนภาคเอกชนที่ซบเซา
ขณะเดียวกัน NIESR กล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของอังกฤษจะได้รับปัจจัยหนุนจากบรรยากาศทางการค้า ซึ่งมีส่วนกระตุ้นการขยายตัวของจีดีพีได้ 1% และ 1.4% ในปี 2553 และ 2554 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม NIERS ติงว่าการพึ่งพาภาคการส่งออกจะส่งผลให้การแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของอังกฤษเผชิญกับอุปสรรคมากขึ้น เพราะรายได้จากการส่งออกมีสัดส่วนน้อยกว่าการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยขณะนี้อังกฤษมียอดขาดดุลบัญชีคิดเป็นสัดส่วน 6% ของจีดีพีซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก และจะเป็นการสร้างภาระใหญ่หลวงให้กับรัฐบาลชุดต่อๆไป
นอกจากนี้ NIERS คาดว่าอัตราว่างงานในอังกฤษจะเพิ่มขึ้นแตะที่ 3 ล้านคนในปี 2554 ท่ามกลางแรงกดดันด้านรายได้ที่อยู่ในภาวะขาลง พร้อมทั้งคาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษจะยังทรงตัวในระดับต่ำกว่าเป้าที่ 2% ในช่วง 2 ปีข้างหน้า ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนก.ย.ลดลง 1.1% ต่อปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน