ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ครั้งล่าสุดว่า การฟื้นตัวขึ้นของภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการผลิตเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในเบื้องต้น ขณะที่ภาวะการลงทุนในหลายภาคส่วนเริ่มมีเสถียรภาพและมีการฟื้นตัวในระดับปานกลางในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากอัตราการลงทุนอ่อนตัวลงอย่างมากในช่วงก่อนหน้านั้น
รายงานของเฟดระบุว่า มีหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว มีเพียง 2 ใน 12 ภูมิภาคเท่านั้นที่รายงานว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังอ่อนแอ คือเขตแอตแลนต้าและเซนต์หลุยส์ โดยเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวขึ้นเนื่องจากหลากหลายปัจจัย รวมถึงนโยบายการให้เครดิตมูลค่า 8,000 ดอลลาร์แก่ผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรก ซึ่งนโยบายดังกล่าวช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ฟื้นตัวขึ้น โดยล่าสุดตัวเลขสร้างบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.5% แตะที่ 590,000 ยูนิตในเดือนก.ย.
อย่างไรก็ตาม เฟดทั้ง 12 เฟดรายงานว่ายอดขายอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ยังคงซบเซา เนื่องจากมีบริษัทและสถาบันการเงินปิดกิจการจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้กระบวนการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์โดยรวมช้าลงกว่าที่คาดการณ์ไว้
ขณะที่ภาคการผลิตแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากสต็อกสินค้าปรับตัวลดลงและผู้ประกอบการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น โดยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเพิ่มขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน เนื่องจากรัฐบาลใช้นโยบายนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ (Cash for Clunkers) ซึ่งช่วยหนุนยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นด้วย
ในด้านตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 70 ของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐนั้น เฟดระบุว่าตัวเลขดังกล่าวยังคงอ่อนแอ และคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะซบเซาต่อไปอีกเนื่องจาก 3 ปัจจัยด้วยกันคือ อัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น รายได้ที่ปรับตัวลดลง และประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ยากขึ้น
ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐลดลง 263,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลง 21 เดือนติดต่อกัน และร่วงลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะลดลงเพียง 175,000 ราย ขณะที่อัตราการว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีที่ 9.8 % เทียบกับระดับ 9.7% ในเดือนส.ค.
อัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีส่งผลให้รัฐบาลสหรัฐวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งพิจารณาใช้แผนกู้วิกฤตตลาดแรงงาน ซึ่งอาจครอบคลุมถึงการจัดสรรงบประมาณการใช้จ่ายและลดหย่อนภาษี แต่คาดว่ารัฐบาลอาจจะยังไม่ประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานที่จัดเตรียมไว้เพื่อช่วยประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 3-4 พ.ย.นี้ โดยเฟดจะเปิดเผยรายงาน Beige Book ปีละ 8 ครั้ง บลูมเบิร์กรายงาน