นายเคนเนธ ไฟน์เบิร์ก ผู้มีอำนาจดูแลเงินเดือนผู้บริหารและจัดบัญชีค่าตอบแทนของสถาบันการเงินและบริษัทต่างๆที่เข้าโครงการการลดสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (TARP) ของรัฐบาลสหรัฐ เตรียมออกคำสั่งให้ผู้บริหารของ 7 สถาบันการเงินที่เข้าโครงการรับความช่วยเหลือจากรัฐบาล รวมถึง ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกา รับค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยเพียง 50% ซึ่งผู้บริหารบางคนอาจได้รับผลตอบแทนชดเชยในรูปของหุ้น
ไฟน์เบิร์ก วัย 63 ปี ซึ่งเคยทำหน้าที่ดูแลการจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้ประสบเหตุวินาศกรรม 9/11 ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้เข้ามากำกับดูแลเงินเดือนของผู้บริหารสถาบันการเงินที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ โดยผู้บริหารเหล่านี้ถูกตรวจสอบอย่างหนักหลังจากรับเงินช่วยเหลือหลายพันล้านดอลลาร์ในช่วงที่สหรัฐเผชิญวิกฤตการณ์การเงิน และที่สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนมากที่สุดคือกรณีที่บริษัท อเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) ที่จ่ายโบนัสให้กับพนักงานในแผนตราสารอนุพันธ์เป็นวงเงินรวม 165 ล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากการติดตามดูการจ่ายค่าตอบแทนของผู้บริหารของเอไอจี, ซิตี้กรุ๊ป และแบงก์ ออฟ อเมริกาแล้ว ไฟน์เบิร์กยังจับตาดูการจ่ายเงินให้กับผู้บริหารของบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม), ไครสเลอร์ กรุ๊ป, ไครสเลอร์ ไฟแนนเชียล และจีเอ็มเอซี อิงค์ โดยล่าสุดมีรายงานว่านายเคนเนธ ลูอิส ซีอีโอแบงก์ ออฟ อเมริกา จะไม่รับเงินเดือนหรือโบนัสในปี 2552 ซึ่งเป็นการตัดสินใจตามคำแนะนำของไฟน์เบิร์ก
ลูอิสซึ่งมีฐานเงินเดือนอยู่ที่ 1.5 ล้านดอลลาร์ต่อปีในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา จะคืนเงินที่ได้รับมาแล้วตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ที่ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์ หลังจากเขาถูกโจมตีจากหน่วยงานกำกับดูแลและนักลงทุนกรณีที่เขาไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขขาดทุนและโบนัสของเมอร์ริล ลินช์ แอนด์ โค ซึ่งเรื่องนี้ได้ส่งผลให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สภาคองเกรส และอัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก นอร์ธแคโรไลน่า และโอไฮโอ ยื่นมือเข้าตรวจสอบ
ด้านนายบาร์นีย์ แฟรงค์ ประธานคณะกรรมาธิการด้านบริการการเงินแห่งสภาพคองเกรสสหรัฐ ได้ออกมาขานรับการตัดสินใจของไฟน์เบิร์ก และเชื่อว่าการจ่ายค่าตอบแทนผู้บริหาร 50% ไม่ถือว่าน้อยเกินไป อีกทั้งจะช่วยให้สถาบันการเงินมีเงินสำรองมากพอที่จะจ่ายคืนโครงการ TARP ทั้งนี้ ไฟน์เบิร์กมีกำหนดจะแถลงรายงานดังกล่าวต่อสภาคองเกรสในวันพุธที่ 28 ต.ค.นี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ รวมถึงนางแนนซี เพโลซี โฆษกสภาคองเกรส ได้วิพากษ์วิจารณ์การจ่ายเงินโบนัสของบริษัทที่รับความช่วยเหลือจากโครงการ TAPR โดยนางเพโลซีกล่าวว่าประชาชนผู้เสียภาษีได้แสดงความไม่พอใจที่รัฐบาลนำเงินภาษีไปช่วยเหลือสถาบันการเงินที่ประสบปัญหา และการที่สถาบันการเงินเหล่านี้จ่ายเงินโบนัสให้กับผู้บริหารยิ่งทำให้ประชาชนโกรธแค้นมากขึ้น เนื่องจากพวกเขากำลังต้องต่อสู้ดินรนกับวิกฤตเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในสหรัฐ
บลูมเบิร์กรายงานว่า นายสตีเฟ่น โคเฮน โฆษกของซิตี้กรุ๊ป และนายสก็อต ซิลเวสทตรี โฆษกแบงก์ ออฟ อเมริกา ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อข่าวดังกล่าว แต่บริษัทที่ปรึกษาของสถาบันการเงินที่ขอรับความช่วยเหลือจากโครงการ TAPR วิพากษ์วิจารณ์ว่าการตัดสินใจของไฟน์เบิร์กรุนแรงเกินไป