นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ตรวจสอบกรณีการปล่อยข่าวลือที่สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งข้อมูลที่ได้รับจากโบรกเกอร์ในประเทศพบว่ามีบุคคลธรรมดา 1 รายที่มีการซื้อขายหุ้นในปริมาณสูงมากผิดปกติในระหว่างวันที่ 14-16 ต.ค.โดย ก.ล.ต.จะมีการตรวจสอบต่อไปว่ามีการเกี่ยวโยงหรืออาศัยประโยชน์จากกระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นอย่างไร
นอกจากนั้น ก.ล.ต.ยังอยู่ในระหว่างการขอข้อมูลจากโบรกเกอร์ต่างชาติ 2 ราย คือ เครดิตสวิสที่ฮ่องกง และ ยูบีเอสสิงคโปร์ เพื่อตรวจสอบในเชิงลึกหลังจากพบว่ามีการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศที่ผิดปกติช่วงก่อนและหลังเกิดกระแสข่าวลือ
"ผลจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบบัญชีของนักลงทุนไทยรายใหญ่ และบัญชีของนักลงทุนต่างประเทศบางรายที่อาจได้ประโยชน์จากการปล่อยข่าวดังกล่าว ซึ่งเป็นบัญชีที่มีการซื้อขาย short จำนวนมากอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ และมีการซื้อสุทธิในช่วงที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงจกช่วงก่อนหน้า"เลขาธิการ ก.ล.ต.ระบุในเอกสารเผยแพร่
ทั้งนี้ ในสัปดาห์หน้า ก.ล.ต.จะรวบรวมข้อมูลการซื้อขายหุ้นที่ผิดปกติในช่วงระหว่างวันที่ 14-15 ต.ค.ซึ่งทำให้ดัชนีลาดหุ้นปรับลงอย่างรุนแรงต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)ในสัปดาห์หน้าเพื่อให้การตรวจสอบสามารถทำได้เชิงลึกมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ
"เมื่อส่งข้อมูลให้กับดีเอสไอก็จะเป็นคดีพิเศษ ที่สามารถตรวจสอบในเชิงลึกได้มากขึ้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถให้ข้อมูลร่วมกันต่อดีเอสไอ"นายธีระชัย กล่าว
นายธีระชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีบุคคลธรรมดาที่เข้าข่ายน่าสงสัยนั้น พบว่ามีการซื้อขายในวันที่ 14 ต.ค.เป็นยอดขายสุทธิ 167 ล้านบาท และในวันที่ 15 ต.ค.มียอดขายสุทธิอีก 193 ล้านบาท และมียอดซื้อสุทธิ 145 ล้านบาท จึงอยู่ในข่ายที่น่าสงสัย แต่ต้องมีการตรวจสอบเชิงลึกว่าเกี่ยวโยงกับข่าวลือและได้รับประโยชน์จากข่าวลือนี้หรือไม่
ส่วนก.ล.ต.จะเรียกบุคคลดังกล่าวเข้ามาสอบปากคำหรือไม่ คงต้องรอดูข้อมูลที่ชัดเจนอีกครั้งว่าการซื้อขายไม่มีการเชื่อมโยงกับข่าวลือหรือไม่ หากไม่พบว่ามีการเชื่อมโยงก็ไม่สามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ แต่หากพบว่าเชื่อมโยงก็เข้าข่ายกระทำความผิดตามมาตรา 240 ของ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 2 เท่าของประโยชน์ที่ได้รับ
"ถือว่ากรณีกระแสข่าวที่เกี่ยวข้องกับบุคคลระดับสูง เป็นบทเรียนที่ ก.ล.ต.และตลาดฯต้องหาทางร่วมมือและแก้ไข เพื่อให้ได้คำตอบอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้นักลงทุนตื่นตระหนก แต่ที่มีผู้เสนอให้หยุดทำการซื้อขายเพื่อเช็คข่าวก่อน เป็นเรื่องยาก ถ้าเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้จะมีใครสามารถชี้แจงความชัดเจนได้ในเวลาอันรวดเร็ว คงเป็นเรื่องยาก" นายธีระชัย กล่าว
สำหรับในส่วนนักลงทุนต่างประเทศ ก.ล.ต.จะต้องดำเนินการขอข้อมูลที่เกี่ยวข้องจากบริษัทหลักทรัพย์ไทย รวมทั้งขอความร่วมมือจากหน่วยงานกำกับดูแลและบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศ เพื่อขอข้อมูลเพื่อประกอบการตรวจสอบในเชิงลึกด้วย
นายธีระชัย กล่าวว่า ก.ล.ต.พบว่ามีการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านเครดิตสวิสฮ่องกงอย่างผิดปกติ โดยในวันที่ 14 ต.ค.มีการสั่งขายหุ้นถึง 3 พันล้านบาท แต่หลังจากนั้นไม่พบการซื้อกลับอย่างผิดปกติ และพบการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านยูบีเอสสิงคโปร์ มีการสั่งขายในวันที่ 14 ต.ค.ถึง 1.3 พันล้านบาท และมีการซื้อ 1.3 พันล้านบาทในวันที่ 15 ต.ค.ซึ่ง ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการขอข้อมูลเพื่อตรวจสอบในเชิงลึกต่อไป
"ต้องตรวจสอบในเชิงลึกว่านักลงทุนที่ซื้อขายผ่านโบรกฯทั้ง 2 เป็นต่างชาติจริงหรือเป็นฝรั่งหัวดำ และเกี่ยวโยงกับข่าวลือและการซื้อขายในประเทศหรือไม่"นายธีระชัย กล่าว