ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ต.ค.) จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.76% เมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 92.080 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 91.390 เยน/ดอลลาร์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 0.36% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0086 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0050 ฟรังค์สวิส/ดอลลาร์
ด้านเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.11% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ 1.5006 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 1.5022 ดอลลาร์/ยูโร แต่แข็งค่าขึ้น 0.66% เทียบกับเงินเยนที่ 138.17 เยน/ยูโรจากระดับ 137.26 เยน/ยูโร
ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลง 1.85% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ 1.6313 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.6620 ดอลลาร์/ปอนด์ เช่นเดียวกับเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่ตกลง 0.44% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐแตะระดับ 0.9223 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนค่าลง 0.25% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7541 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7560 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
โบริส สลอสเบิร์ก นักวิเคราะห์จากบริษัท GFT Forex ในนิวยอร์กกล่าวว่า "นักลงทุนต่างคาดการณ์ถึงท่าทีของเฟดที่อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้นโดยคาดว่าเฟดมีแนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยช่วงครึ่งแรกของปีหน้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นมูลค่าสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์ และให้อัตราผลตอบแทนที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเยน"
ในส่วนของเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์นั้นเป็นเพราะได้รับปัจจัยลบจากการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 ของอังกฤษที่หดตัวลง 0.4% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยายตัว 0.2% และทำสถิติหดตัวติดต่อกัน 6 ไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บข้อมูลในปีพ.ศ.2498
ทั้งนี้ รายงานตัวเลขจีดีพีของอังกฤษที่หดตัวทำให้นักวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะขยายระยะเวลาการซื้อพันธบัตรออกไปอีก รวมถึงการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.5% จนกว่าเศรษฐกิจจะเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น