บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (Federal Deposit Insurance Corp : FDIC) เผยจำนวนธนาคารที่ล้มละลายในสหรัฐปีนี้พุ่งสูงกว่า 100 แห่งแล้ว ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่า วิกฤตการณ์ทางการเงินยังคงทำให้สถาบันปล่อยเงินกู้ต้องประสบกับภาวะขาดทุนที่สืบเนื่องจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์
โดยเมื่อวานนี้มีธนาคารในสหรัฐที่ปิดตัวลงทั้งสิ้น 7 แห่ง ซึ่ง 3 แห่งตั้งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ขณะที่รัฐวิสคอนซิน มินนิโซต้า และอิลลินอยส์ปิดธนาคารรัฐละ 1 แห่ง ส่งผลให้จำนวนธนาคารล้มละลายในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 105 แห่ง ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี
เจอราร์ด แคสซิดี้ นักวิเคราะห์จากอาร์บีซี แคปิตอล มาร์เกตส์ ในพอร์ทแลนด์ รัฐเมนกล่าวผ่านทางบลูมเบิร์กว่า "การรายงานยอดแบงก์ล้มละลายเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก เพราะสร้างความเสียหายอย่างมหาศาล อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่ประกอบอาชีพในภาคธุรกิจธนาคาร แต่ขณะเดียวกันการปิดธนาคารที่ล้มละลายก็จำเป็นต้องทำเพื่อให้เศรษฐกิจและระบบการธนาคารกลับมายืนได้ด้วยตัวเอง"
ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐที่เผชิญกับมรสุมหนี้เสียต่างชะลอการออกเงินกู้ให้ผู้บริโภคและหาทางระดมทุนมากขึ้น หลังจากที่สถาบันการเงินของสหรัฐมียอดขาดทุนและมียอดปรับลดมูลค่าทางบัญชีรวมทั้งสิ้นราว 1.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่ปี 2550