นายสาธิต รังคสิริ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือน ก.ย.52 รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ จำนวน 21,112 ล้านบาท ส่งผลให้ปีงบประมาณ 52 (ต.ค.51-ก.ย.52) รัฐบาลขาดดุลงบประมาณ จำนวน 505,404 ล้านบาท จากการที่มีรายได้ จำนวน 1,411,725 ล้านบาท แต่มีงบประมาณรายจ่าย จำนวน 1,917,129 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณที่เกินดุล 129,118 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลขาดดุลเงินสดรวมทั้งสิ้น 376,286 ล้านบาท หรือคิดเป็น4.3% ของ GDP
แต่รัฐบาลได้กู้เพื่อชดเชยการขาดดุลเงินสดด้วยการออกพันธบัตร ตั๋วสัญญาใช้เงิน และตั๋วเงินคลัง จำนวน 441,061 ล้านบาท ให้ปีงบประมาณ 52 รัฐบาลจึงเกินดุลเงินสด จำนวน 64,775 ล้านบาท และเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ 52 อยู่ที่ 293,853 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นระดับที่มีความมั่นคงต่อฐานะการคลังของรัฐบาลอย่างมาก
ผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยที่ปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีงบประมาณ 52 เป็นการตอกย้ำว่าการดำเนินนโยบายขาดดุลของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายของภาครัฐนั้น ถือได้ว่าเป็นมาตรการที่มีประสิทธิผลต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
"ระดับเงินคงคลังที่มีอยู่ในระดับสูง จะเป็นแรงเสริมให้การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในระยะต่อไปเป็นไปอย่างต่อเนื่อง" นายสาธิต กล่าว