ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (26 ต.ค.) หลังจากสำนักงานวิจัยของธนาคารกลางจีนออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าจีนกำลังลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และเพิ่มการถือครองสกุลเงินยูโรในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
บลูมเบิร์กรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐดิ่งลง 0.85% เมื่อเทียบกับยูโรแตะที่ 1.4872 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.5000 ยูโร/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้น 0.13% แตะที่ 92.160 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 92.040 เยน/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.96% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0182 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0085 ฟรังค์/ดอลลาร์ แต่ร่วงลง 0.13% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6326 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6305 ปอนด์/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.63% แตะที่ 0.9164 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9222 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลง 0.85% แตะที่ 0.7478 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7542 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
มาร์ค แชนด์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบราวน์ บราเธอร์ส แฮร์ริแมน กล่าวว่า ดอลลาร์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งหลังจากสำนักงานวิจัยของธนาคารกลางจีนออกมาปฏิเสธข่าวที่ว่าจีนกำลังลดการถือครองสกุลเงินดอลลาร์และเพิ่มการถือครองสกุลเงินยูโรในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล นิวส์ของจีนรายงานเมื่อวานนี้ว่า รัฐบาลจีนจะเพิ่มการถือครองเงินเยนและยูโรในระบบทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ โดยบทความดังกล่าวซึ่งเขียนโดยนายโจว ไห่ ระบุว่า การที่จีนเพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินเยนและยูโรยังสะท้อนให้เห็นถึงการค้าระหว่างจีนกับยุโรปและญี่ปุ่นที่เติบโตขึ้นด้วย
นายโจวยังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลจีนกำลังรักษาขนาดทุนสำรองเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินหยวน โดยคาดว่าจีนจะยกระดับกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนและใช้นโยบายการเงิน "อย่างสมเหตุสมผล" เพื่อลดความจำเป็นในการซื้อสกุลเงินต่างชาติ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย.ที่เฟดจะเปิดเผยในวันจันทร์ รวมถึงราคาบ้านเดือนส.ค.ที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยราคาบ้านเดือนส.ค.ในวันอังคาร และตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดีนี้