นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมของไทยในเดือน ก.ย.52 อยู่ที่ 95.9 เพิ่มขึ้นจากเดือน ส.ค.52 ซึ่งอยู่ที่ 88.0 ซึ่งถือว่าเป็นดัชนีที่สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
ส่วนดัชนีคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 102.9 จากเดือน ส.ค.อยู่ที่ 102.1 เนื่องจากผู้ประกอบการคาดว่ายอดขายโดยรวมและปริมาณการผลิต และผลประกอบการในระยะ 3 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สาเหตุที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือน ก.ย.ปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศสูงขึ้นและเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้คำสั่งซื้อสินค้าในช่วงปลายปียังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศซึ่งถือเป็นต้นทุนสำคัญในการขนส่งสินค้าได้ปรับตัวลดลง รวมทั้งปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบของผู้ประกอบการได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
ผู้ประกอบการมีข้อเสนอต่อภาครัฐให้เข้ามาแก้ไขปัญหาสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี ด้วยการสนับสนับสนุนผ่านสถาบันการเงินของภาครัฐ และควรมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนและรวดเร็วในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่มาบตาพุด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนไม่ให้ค่าเงินบาทแข็งค่ามากจนเกินไป รวมทั้งการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าวในบางธุรกิจได้
ทั้งนี้ จากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ดังนั้นเชื่อว่าในสิ้นปีนี้ดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมจะตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 100 ซึ่งค่าดัชนีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 100 ถือเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เห็นมาในช่วง 2-3 ปี