หวัง เต๋า นักวิเคราะห์จากยูบีเอส เอจี แนะนำให้จีนปรับขึ้นค่าเงินหยวนและขยายช่วงการซื้อขายเงินหยวนเพื่อสกัดกั้นเม็ดเงินเก็งกำไรที่ไหลเข้าสู่ประเทศซึ่งอาจก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ โดยเขามองว่าปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของจีนย่อมสะท้อนให้เห็นในค่าเงินหยวนที่แข็งแกร่งด้วย และคาดว่าธนาคารกลางจีนจะต้องทำงานหนักขึ้นในการจัดการกับสภาพคล่องส่วนเกินและภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากเม็ดเงินเก็งกำไร
เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของจีนขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ยอดส่งออกลดลงในเดือนก.ย. ซึ่งทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจีนจะปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนยอมรับว่าการจัดการกับสภาพคล่องส่วนเกินถือเป็นงานที่ยาก และสภาพคล่องที่มีอยู่จำนวนมากทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางจีนเร่งใช้มาตรการสกัดกั้นเงินเฟ้อ
รายงานระบุว่า ระบบการเงินของจีนมีเม็ดเงินอยู่เป็นจำนวนมากเนื่องจากธนาคารพาณิชย์จีนปล่อยเงินกู้มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.27 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งส่งผลให้เกิดยอดเกินดุลการค้า เม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (FDA) จำนวนมาก และมีเงินเก็งกำไรไหลเข้าสู่ประเทศจำนวนมาก สถานการณ์เช่นนี้ทำให้จีนเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์
นางหวังกล่าวว่า ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนพุ่งขึ้น 1.41 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 2.273 ล้านล้านดอลลาร์ และเม็ดเงินสกุลต่างประเทศในปริมาณมากจะยิ่งส่งผลให้สภาพคล่องในระบบการเงินของจีนเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งทำให้ธนาคารกลางประสบความยากลำบากในการจัดการกับเงินเฟ้อและควบคุมภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ บลูมเบิร์กรายงาน