นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง คาดอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(GDP)ของไทยในช่วงไตรมาส 3 ปี 52 จะขยายตัวติดลบ 3.5-4.0% และกลับมาขยายตัวเป็นบวก 3.0-4.0% ในช่วงไตรมาสสุดท้าย ส่งผลให้ทั้งปี 52 ขยายตัวติดลบ 3%
ทั้งนี้ GDP ไตรมาส 3/52 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาส 2/52 ประมาณ 2% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในไตรมาส 3/52 ได้รับผลดีจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชียและประเทศใหม่ ๆ ได้แก่ จีน ออสเตรเลีย และ ฮ่องกง เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญ
"ปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้ GDP ในไตรมาส 3 ดีขึ้นจากไตรมาส 2 คือรายจ่ายรัฐบาลที่เร่งเบิกจ่ายในไตรมาส 3 ซึ่งเห็นได้ชัด และอีกปัจจัยคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า" โฆษกกระทรวงการคลัง ระบุ
พร้อมกันนี้ ยังคาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาส 4/52 จะฟื้นกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ประมาณ 3-4% ภายใต้สมมติฐานจากราคาน้ำมันดิบดูไบในช่วงไตรมาส 4 ที่เฉลี่ยประมาณ 75 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้ในช่วงครึ่งปีหลัง GDP ขยายตัวเป็น 0% ส่งผลให้ทั้งปี 52 GDP จะยังติดลบประมาณ 3%
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองที่อาจจะกลับมาร้อนแรงอีกครั้งหากมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ในช่วงปลายเดือนพ.ย.นั้น นายเอกนิติ กล่าวว่า อาจจะมีผลกระทบทำให้การบริโภคและการลงทุนในประเทศฟื้นตัวช้าขึ้น หากมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมืองเข้ามา ซึ่งในระยะกลางจะส่งผลต่อความต่อเนื่องของนโยบายรัฐบาลด้วย
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ทั้งปี 52 ที่คาดว่าจะติดลบประมาณ 3% นั้น ยังไม่ได้ประเมินผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองรวมไว้ด้วย