แมคโดนัลด์ คอร์ป ประกาศปิดกิจการในไอซ์แลนด์สิ้นเดือนนี้ หลังจากที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ที่สุดของโลกแห่งนี้ได้รับหางเลขจากวิกฤตการเงินในประเทศ โดยเฉพาะเงินโครนาที่ดิ่งลงอย่างหนักจนส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของกิจการ
Lyst ehf เจ้าของแฟรนไชส์แมคโดนัลด์ในไอซ์แลนด์ เปิดเผยว่า ร้านแมคโดนัลด์ทั้ง 3 สาขาในไอซ์แลนด์จะปิดกิจการลงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 ต.ค.นี้ หลังจากที่ต้นทุนค่าใช้จ่ายของกิจการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากร้านแมคโดนัลด์ในไอซ์แลนด์นำเข้าวัตถุดิบส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ
"เราจำเป็นต้องขึ้นราคาเมนูอาหารของเรา 20% เพื่อไม่ให้ขาดทุน ซึ่งทำให้บิ๊กแมคมีราคาขึ้นไปอยู่ที่ 780 โครนา (6.36 ดอลลาร์สหรัฐ) จากเดิมที่ 650 โครนา" แมกนุส อ็อกมุนด์สัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Lyst ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก
"คู่แข่งของเราต่างก็ใช้เนื้อและผักในประเทศ ขณะที่เราต้องนำเข้าวัตถุดิบ ซึ่งมีราคาแพงสุดๆ" ซีอีโอกล่าว พร้อมกับระบุว่า สถานการณ์ที่ย่ำแย่จะไม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในเวลาอันใกล้นี้
ดัชนี Economist 2009 BigMac ชี้ว่า สวิตเซอร์แลนด์และนอร์เวย์เป็นประเทศที่จำหน่ายบิ๊กแมคในราคาแพงที่สุดที่ราว 5.75 ดอลลาร์ ส่วนราคาถูกที่สุดอยู่ที่แอฟริกาใต้ 1.68 ดอลลาร์ และจีน 1.83 ดอลลาร์
ทั้งนี้ ไอซ์แลนด์ต้องตัดสินใจขอกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เป็นจำนวน 2.1 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศประคองตัวอยู่ได้ หลังจากที่ธนาคารรายใหญ่สุดของประเทศทั้ง 3 แห่งล้มละลายในปีที่แล้ว โดยธนาคารกลางไอซ์แลนด์ได้ออกกฎควบคุมเงินทุนในช่วงปลายปีที่แล้วเพื่อป้องกันการเทขายเงินโครนา แต่ก็ไม่สามารถช่วยพยุงค่าเงินของประเทศเอาไว้ได้ โดยเงินโครนาดิ่งลงมากถึง 80% เมื่อเทียบกับยูโร