สตีเฟน โรช ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย ชี้นักลงทุนคาดการณ์ผิดในเรื่องที่ว่า จีนจะควบคุมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3 พร้อมกับระบุว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้คึกคักนั้นเป็นการดำเนินการเพื่อสร้างเสถียรภาพในสังคม เพราะจีนไม่ต้องการเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวติดลบอีกครั้ง
มุมมองของโรชนั้นขัดแย้งกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ของเครดิต สวิสและยูบีเอส เอจี ที่ว่า ทางการจีนจะเพิ่มเพดานสำรองเงินสดอย่างเร็วสุดในช่วงสิ้นเดือนธ.ค. ขณะที่รัฐบาลได้เปิดเผยตัวเลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาส 3 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ขยายตัว 8.9% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ขยายตัวเร็วสุดในรอบ 1 ปี
หลังจากที่ผลพวงจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนเริ่มชะลอตัวลงนั้น โรชกล่าวว่า เศรษฐกิจก็เสี่ยงที่จะชะลอตัวลงอีกครั้ง และเพื่อเป็นการรับมือกับการขยายตัวที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 10 ปีนั้น ผู้บริหารจีนได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5.86 แสนล้านดอลลาร์ และปรับอัตราดอกเบี้ยลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี อีกทั้งยังมีการปล่อยกู้อีกเป็นจำนวนมาถึง 1.27 ล้านล้านดอลลาร์
บลูมเบิร์กรายงานว่า ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า จีนอาจจะกลับไปใช้โครงการทุ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่แบงค์ให้การสนับสนุนในช่วงกลางปีหน้า และไม่คิดว่าในระยะใกล้นี้จีนจะขึ้นดอกเบี้ยเนื่องจากจีนยังห่วงเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ โร้ชยังคาดการณ์ด้วยว่า จีนจะปล่อยให้มีการแลกเปลี่ยนเงินหยวนกับสกุลเงินอื่นๆอย่างอิสระ ขณะที่เจ้าหน้าที่ของทางการจีนรวมทั้งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนได้เรียกร้องให้มีการใช้เงินหยวนแทยเงินดอลลาร์ในการทำหน้าที่เป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก และอาจจะควบคุมความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหยวน