นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันนี้รับทราบรายงานผลการแปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ 52(ก.ค.-ก.ย.52) จำนวน 19,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้จำนวน 2 รุ่น ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ปีงบประมาณ 52 ครั้งที่ 4 (LB145B) อายุคงเหลือ 4.73 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.25% จำนวน 11,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ 50 ครั้งที่ 1 ทำให้ปริมาณพันธบัตรรัฐบาลรุ่นดังกล่าวมีจำนวน 121,035 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 19 ส.ค.52
อีกรุ่นเป็นพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ประเภทอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ในปีงบประมาณ 52 ครั้งที่ 2(LB139A)อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย BIBOR ระยะ 6 เดือน ลบ 0.15% จำนวน 8,000 ล้านบาท โดยจำหน่ายในวันที่ 16 ก.ย. 52 ซึ่งอัตราดอกเบี้ยงวดเริ่มต้น 18 ก.ย.52 อยู่ที่ 1.35%
สำหรับผลการออกพันธบัตรรัฐบาลทั้ง 2 รุ่น ภายหลังที่ได้แปลงตั๋วเงินคลังเป็นพันธบัตรรัฐบาลจำนวน 19,000 ล้านบาท ทำให้สิ้นปีงบประมาณ 52 กระทรวงการคลังมีวงเงินตั๋วเงินคลังเพื่อใช้ในการบริหารเงินสดรับ-จ่ายของรัฐบาล จำนวน 281,000 ล้านบาท แยกเป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณที่สะสมมาในช่วงปีงบประมาณ 42-48 จำนวน 48,000 ล้านบาท เป็นวงเงินที่ขออนุมัติเพิ่มเติมในปีงบประมาณ 49 เพื่อใช้บริหารเงินสดของรัฐบาล จำนวน 80,000 ล้านบาท และเป็นวงเงินที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปีงบประมาณ 52 จำนวน 153,000 ล้านบาท