นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสรุปภาวะเศรษฐกิจรายภูมิภาคประจำไตรมาส 3/52 และแนวโน้มว่า เศรษฐกิจรายภูมิภาคในไตรมาส 4/52 มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นกว่าไตรมาส 3/52 โดยทุกภูมิภาคขยายตัวเป็นบวก ได้แก่ เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขยายตัว 1.2-2.0% ภาคเหนือ 1.1-1.8% ภาคใต้ 1.2-2.0% ภาคกลาง 2.1-3.5% กทม.และปริมณฑล 1.5-2.4% ส่งผลให้คาดว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/52 จะขยายตัว 1.6-2.6%
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไตรมาส 4/52 จะขยายตัวเป็นบวก เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวในระดับปานกลาง เพราะมีปัจจัยลบอยู่ คือ ราคาน้ำมันตลาดโลกที่ขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล และมีโอกาสเห็นที่ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล จะทำให้ราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลภายในประเทศอาจปรับตัวสูงขึ้น 2 บาท/ลิตร ถือเป็นการบั่นทอนอำนาจซื้อของประชาชนถึงเดือนละ 4,000 ล้านบาท ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรยังมีทิศทางตกต่ำ เป็นปัจจัยลบเพิ่มเติมต่ออำนาจซื้อของประชาชน รวมถึงภาคส่งออกที่ยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า
"สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ คือโครงการไทยเข้มแข็งที่จะอัดฉีดเม็ดเงิน 20,000 ล้านบาท ผ่านโครงการต่างๆ ลงในระบบเศรษฐกิจในไตรมาส 4 ต้องทำให้รวดเร็วและเป็นไปตามแผน รวมถึงแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เพราะข้อมูลจากกรมบัญชีกลางพบว่าภาคเกษตรกรก่อหนี้เพิ่มขึ้น เพราะราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้ติดลบราว 3.1-3.5% ส่วนปีหน้าคาดว่าจะขยายตัว 2-3%" นายธนวรรธน์ กล่าว