ออสเตรเลีย แอนด์ นิวซีแลนด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป เปิดเผยว่า การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากพายุซึ่งพัดถล่มฟิลิปปินส์หลายระลอกเมื่อเดือนที่ผ่านมา จะช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าได้อีก 0.5%
นักวิเคราะห์คาดว่า "การฟื้นฟูพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจะช่วยหนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในปี 2553 นอกจากนี้ การส่งเงินกลับคืนประเทศจากแรงงานต่างชาติที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยให้รัฐบาลสามารถดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ต่างๆได้อย่างเต็มที่ นอกเหนือจากเงินช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ 1.2 หมื่นล้านเปโซ (253 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากสภาคองเกรสและอีกกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากนานาชาติ"
โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่าผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวที่ระดับ 2.6-3.6% ในปีหน้า แต่ผลกระทบของพายุจะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้อยู่ต่ำกว่าระดับที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 0.8-1.8%
ศูนย์ประสานงานภัยพิบัติแห่งชาติของฟิลิปปินส์รายงานว่า พายุโซนร้อนกิสนาและป้าหม่าได้สร้างความเสียหายต่อพื้นที่ทางการเกษตร ถนน และสะพานเป็นเงินราว 3.8 หมื่นล้านเปโซ ขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์มองว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในเดือนนี้ เนื่องจากต้นทุนอาหารและเชื้อเพลิงเริ่มแพงขึ้น ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ธนาคารปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาผู้บริโภค
"ภาวะตื่นตระหนกด้านอุปทานจะส่งผลให้ราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้น แต่ผลกระทบที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อจะเกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ นอกจากนี้ ผลกระทบของราคาอาหารจะพุ่งสูงสุดในช่วงเดือนแรกหลังเกิดภัยพิบัติเท่านั้น แต่หลังจากนั้นวิกฤตการณ์ดังกล่าวจะเริ่มคลี่คลายลงอย่างรวดเร็ว"
ขณะเดียวกัน ราคาผู้บริโภคในเดือนต.ค.มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น 0.8-1.7% จากระดับในปีก่อนหน้านี้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อในเดือนที่แล้วอยู่ที่ระดับ 0.7% บลูมเบิร์กรายงาน