กระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.ย.ของสหรัฐดิ่งลง 3.6% แตะที่ 402,000 ยูนิต/ปี ซึ่งร่วงลงครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น
รายงานระบุว่า ราคากลางของบ้านใหม่ในเดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 204,800 ดอลลาร์ ลดลงไป 9.1% จากปีที่แล้วที่ระดับ 225,200 ดอลลาร์ แต่เพิ่มขึ้น 2.5% จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 199,900 ดอลลาร์
โดยปัจจัยที่ทำให้ราคาบ้านใหม่เดือนก.ย.ดิ่งลงอย่างหนักมาจากราคาบ้านในภูมิภาคตะวันตกที่ดิ่งลงเกือบ 11% และภูมิภาคตอนใต้ลดลง 10% ส่วนยอดขายในเขตมิดเวสต์ดีดตัวขึ้น 35% และยอดขายในเขตนอรธ์เวสต์ทรงตัว
แบรด ฮันเตอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Metrostudy กล่าวกับเอพีว่า ข้อมูลดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน และฉุดดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลง 119.48 จุด หรือ 1.21% ปิดที่ 9,762.69 จุดเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ยอดขายบ้านใหม่ที่ดิ่งลงเหนือความคาดหมายยังสะท้อนให้เห็นว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อีกทั้งทำให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง หดตัวลงด้วย
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านใหม่ประจำเดือนก.ย.ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยเมื่อคืนนั้น จะเพิ่มขึ้น 2.6% แตะระดับ 440,000 ยูนิต/ปี จากเดือนส.ค.ที่ระดับ 429,000 ยูนิต/ปี ซึ่งจะเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 6 เดือน เนื่องจากกลุ่มบริษัทสร้างบ้านได้ประโยชน์จากโครงการลดหย่อนภาษีมูลค่า 8,000 ดอลลาร์แก่ผู้ที่ซื้อบ้านครั้งแรกซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนหน้า