นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)เปิดเผยว่า บีโอไอพร้อมเปิดรับข้อมูลจากทุกฝ่ายเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากเปิดเสรีการลงทุนอาเซียน(Asian Comprehensive Investment Agreement: ACIA)ตามที่ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ(กนศ.)ทบทวนเรื่องดังกล่าว และให้ศึกษาถึงจุดยืนของชาติสมาชิกอาเซียนอื่นๆ ในการทำความตกลงด้านการลงทุน
“บีโอไอตระหนักดีถึงความกังวลของเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในสาขาดังกล่าว รวมทั้งประชาชนคนไทย ดังนั้น บีโอไอจึงยินดีที่จะรับฟังข้อเสนอจากภาคประชนและกลุ่มเอ็นจีโอทุกกลุ่ม ตลอดจนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง และคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อนำมาจัดทำเป็นข้อมูลเชิงลึกในการพิจารณาของกนศ. ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 6 ก.ย.นี้" รองเลขาธิการบีโอไอกล่าว
อย่างไรก็ตาม บีโอไอกำลังรอเอกสารและข้อมูลจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบีโอไอได้ขอให้จัดส่งข้อมูลผลกระทบเชิงลึกต่างๆ ตลอดจนเตรียมการจัดทำแนวทางการรองรับการเปิดเสรีการลงทุน โดยบีโอไอเคยเสนอแนะให้ออกประกาศรายการพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์น้ำที่ต้องการสงวนไว้ให้เกษตรกรไทยเท่านั้นเพื่อมิให้เกิดผลกระทบ แต่จนถึงขณะนี้ บีโอไอยังไม่ได้รับข้อมูลดังกล่าว จากกรมประมง กรมป่าไม้ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ซึ่งคาดว่าอยู่ระหว่างการจัดทำ
นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวต่อไปว่า การเปิดเสรีการลงทุนใน 3 สาขา คือ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การเพาะ ขยายและปรับปรุงพันธุ์พืช และการทำป่าไม้จากป่าปลูก จะไม่ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร หรือ การบุกรุกที่ดินแต่อย่างใด เพราะภายใต้ความตกลงนี้ ได้มีการกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับอื่นๆ ของแต่ละประเทศด้วย รวมทั้งยังสามารถออกมาตรการในระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัดในการปกป้องผลกระทบเหล่านี้ได้ด้วย
ทั้งนี้ การเปิดเสรีด้านการลงทุนอาเซียน ประเทศไทยไม่ได้เปิดช่องให้คนชาติอื่นๆ อาทิ ตะวันออกกลาง หรือชาติตะวันตก เข้ามาลงทุนได้ นอกจากนี้ บีโอไอจะปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนไทยอย่างเต็มที่ มิให้ความตกลงด้านการลงทุนกลายเป็นการเสียรู้ โดยจะพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อมิให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ