นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกของไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4/52 โดยคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 3-5% จากที่ติดลบมาตลอด 3 ไตรมาสแรกของปี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังคงผลักดันการส่งออกท่ามกลางวิกฤติภาวะการเงินโลก ขณะที่ทั้งปี 52 คาดว่าการส่งออกจะยังคงติดลบในระดับ 13% ถือว่าดีกว่าที่หลายหน่วยงานประเมินว่าจะติดลบ 20-25%
ส่วนในปี 53 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าว่าการส่งออกจะเติบโตในกรอบ 10-15% แม้ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็มีโอกาสที่จะทำได้ หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์จะมีการปรับพันธกิจของแต่ละหน่วยงาน รวมถึงบูรณาการการทำงานภายในกระทรวงมากขึ้น ประกอบกับปัจจัยภายนอกที่เศรษฐกิจของตลาดหลักส่งออกของไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น จึงเชื่อว่าการส่งออกปีหน้าจะกลับมามีทิศทางที่สดใสกว่าปีนี้
"จากที่ trend การส่งออกในปี 52 เริ่มติดลบน้อยลง และไตรมาส 4 คาดว่าจะกลับมาเป็นบวกที่ 3-5% นอกจากนี้มาตรการเชิงรุกที่จะเร่งทำมากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจตลาดหลักเริ่มฟื้นตัวจากเม็ดเงินกระตุ้นของแต่ละประเทศ เราเชื่อว่าทิศทางการส่งออกในปีหน้ายังสดใส" รมว.พาณิชย์ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "ทิศทางการส่งออกไทยปี 2553" ในงานสัมมนา "Thailand Tomorrow ประเทศไทย 2553"
สำหรับกลยุทธ์การส่งออกในปี 53 จะเน้นมาตรการในการพัฒนานวัตกรรมสินค้า ทั้งการสร้างตรายี่ห้อ, การออกแบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มและทำรายได้มากขึ้น โดยได้แบ่งกลุ่มสินค้าไว้ 4 กลุ่มหลัก คือ กลุ่ม 1.สินค้าที่ทำรายได้สูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ยานยนต์และชิ้นส่วน, อาหาร, อัญมณี-เครื่องประดับ, วัสดุก่อสร้าง, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, สิ่งทอ, ข้าว และผลิตภัณฑ์ยาง
กลุ่ม 2.สินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ไทย เช่น ข้าว, อาหาร, ผ้าไหม, สปา และกล้วยไม้ เป็นต้น กลุ่ม 3.สินค้าที่มีอนาคต เช่น เครื่องสำอาง, สบู่, สิ่งพิมพ์ และผลิตภัณฑ์เภสัช กลุ่ม 4.สินค้าจากผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP