กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า จีดีพีขยายตัว 3.5%ต่อปีในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นการขยายตัวไตรมาสแรกหลังจากหดตัวมากว่า 1 ปี และขยายตัวมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะขยายตัวเพียง 3.2%ต่อปี
รายงานของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ขยายตัวรวดเร็วเกินคาดมาจากการปรับตัวขึ้นของตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคล ยอดส่งออก การปรับสต็อกสินค้าในภาคเอกชน ตัวเลขการใช้จ่ายภาครัฐ และการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร โดยตัวเลขการใช้จ่ายส่วนบุคคลในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ที่หดตัวลง 0.9%
ส่วนตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในด้านสินค้าคงทน (สินค้าที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 3 ปี) พุ่งขึ้น 22.3%ต่อปี ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 8 ปี เพราะได้แรงหนุนจากโครงการรถยนต์เก่าแลกคันใหม่ของรัฐบาลสหรัฐ ขณะที่การส่งออกสินค้าและการบริการเพิ่มขึ้น 14.7% ในไตรมาส 3 หลังจากหดตัวลง 4.1% ในไตรมาส 2
ตัวเลขการใช้จ่ายภาครัฐพุ่งขึ้น 7.9% ในไตรมาส 3 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายในโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 23.4%
บลูมเบิร์กรายงานว่า ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ที่ขยายตัวรวดเร็วเกินคาดของสหรัฐเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น 199.89 จุด หรือ 2.05% ปิดที่ 9,962.58 จุด และหนุนสัญญาน้ำมันดิบ NYMEX เดือนธ.ค.ทะยานขึ้น 2.41 ดอลลาร์ ปิดที่ 79.87 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อคืนนี้