นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐอาจลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือนในเดือนกันยายน หลังโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่สิ้นสุดลง
ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์ 75 รายซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคอาจลดลง 0.5% ในเดือนกันยายน หลังขยายตัวมากสุดในรอบ 8 ปีถึง 1.3% ในเดือนสิงหาคม ด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกิจกรรมทางธุรกิจคาดว่าจะหดตัวในอัตราที่ช้าลง
หากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคออกมาตามที่นักเศรษฐศาสตร์คาดจริงจะแสดงให้เห็นว่ารายได้ของชาวอเมริกันยังไม่เพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราจ้างงานลดลงและอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งรายได้ที่คงที่และความเชื่อมั่นที่ลดลงมีแนวโน้มว่าจะทำให้ผู้บริโภคยังคงจำกัดการใช้จ่ายในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ ในขณะที่โครงการกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างโครงการรถเก่าแลกซื้อรถใหม่ก็หมดอายุไปแล้ว
"รายได้ของผู้บริโภคจะยังคงฝืดเคืองในไตรมาส 4 เนื่องจากยังคงมีการเลิกจ้างงานอย่างต่อเนื่อง" ไนเจล กอลท์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท ไอเอชเอส โกลบอล อินไซต์ ในเล็กซิงตัน แมสซาชูเซทท์ กล่าว "ผู้บริโภคแทบไม่มีกำลังซื้อเลย"
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคอย่างเป็นทางการในเวลา 8.30 น.ตามเวลาวอชิงตัน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะอยู่ระหว่างหดตัว 0.9% ถึงขยายตัว 0.5%
ส่วนในเวลา 10.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น จะมีการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะลดลงแตะ 70 จุด จาก 73.5 จุด