ผลสำรวจระบุเกือบ 3 ใน 5 ของผู้ประกอบวิชาชีพด้านการเงินในสหรัฐคาดว่า พวกเขาจะได้รับเงินโบนัสมากกว่าหรือเท่ากับเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กลุ่มนักการเมืองออกโรงต่อต้านนโยบายการจ่ายโบนัสมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ให้กับพนักงานในภาคธุรกิจดังกล่าว
กลุ่มเทรดเดอร์ นักวิเคราะห์ และบรรดาผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า เงินโบนัสประจำปีนี้จะเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็เท่ากับระดับเดียวกับปีก่อน แม้สหรัฐจะเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงนับตั้งแต่ปี 1930 โดยมีเพียง 1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่คาดว่าเงินโบนัสจะลดลง ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการเงินในเอเชียมีมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับการจ่ายเงินโบนัสมากที่สุด รองลงมาคืออเมริกา และยุโรป
แดเนียล อัลเพิร์ต นักวิเคราะห์จากบริษัทเวสต์วูด แคปิตอล กล่าวว่า "ตลาดเงินกำลังทำรายได้ ภายใต้การช่วยเหลือของรัฐบาล"
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ในตลาดเงินส่วนใหญ่ต่างไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่พยายามควบคุมการจ่ายโบนัสพนักงาน โดย 51% ของผู้ทำการสำรวจชี้ว่าการจำกัดงบการจ่ายผลตอบแทนจะปิดกั้นการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆที่เป็นประโยชน์ และมีเพียง 38% ที่คิดว่าการควบคุมการจ่ายโบนัสจะช่วยควบคุมงบประมาณความเสี่ยงส่วนเกินได้
เจ แอน เซลเซอร์ ประธานของ Selzer & Co บริษัทวิจัยในไอโอวา หนึ่งในผู้ทำการสำรวจกล่าวว่า "หากดูภาพรวมของวอลล์สตรีทตามจริงอย่างที่มันเป็น เราจะเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งนั่นหมายความว่าเราจะได้เงินน้อยลง"
ผลสำรวจของบลูมเบิร์กออกมาในทิศทางเดียวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น รวมถึงบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นทั่วโลกที่คึกคัก โดยดัชนี MSCI AC World ที่ชี้วัดการซื้อขายในตลาดเกิดใหม่และตลาดที่พัฒนาแล้วขยายตัว 64% นับตั้งแต่เดือนมี.ค. ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 58% ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กซึ่งได้สอบถามความเห็นของนักลงทุนและนักวิเคราะห์ราว 1,500 คนทั่วโลกใน 6 ทวีป ซึ่งจัดทำขึ้นในระหว่างวันที่ 23-27 ตุลาคมที่ผ่านมา