ไบรอัน ชาลส์ นักวิเคราะห์ของ RW Pressprich & Co. กล่าวแสดงความเห็นว่า การตัดสินใจยื่นขอคุ้มครองสินทรัพย์จากการล้มละลายของซีไอที กรุ๊ป อิงค์ (CIT Group Inc) สถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ของสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจมานานถึง 101 ปี ต่อศาลล้มละลายในเมืองแมนฮัทตัน ตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐอเมริกานั้น จะช่วยรักษาเม็ดเงินหมุนเวียนในกลุ่มผู้ถือพันธบัตรและลูกค้าของซีไอทีจำนวน 1 ล้านคนเอาไว้ได้ แต่อาจไม่เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้นและผู้เสียภาษีคง
โดยซีไอทีมีภาระหนี้สิน 6.49 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีทรัพย์สิน 7.1 หมื่นล้านดอลล้านดอลลาร์ หลังจากบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนักและไม่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐ
การล้มละลายของซีไอทีตามกฎหมายมาตรา 11 อาจช่วยเพิ่มผลประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ถือพันธบัตร ขณะที่เจฟฟรีย์ พีค ซีอีโอของซีไอที กล่าวว่า ลูกค้าจะสามารถติดต่อขอรับผลประโยชน์ดังกล่าวได้ ส่วนผู้ถือหุ้นสามัญส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ได้รับอะไรมากนัก ขณะที่กระทรวงคลังสหรัฐเองมองว่า กระทรวงคงจะไม่สามารถดึงงบประมาณจำนวน 2.33 พันล้านดอลลาร์ที่เทให้กับซีไอทีคืนมาได้
ที่ผ่านมา ซีไอทีได้ให้บริการแก่ธุรกิจต่างๆประมาณ 1 ล้านราย เช่น ดันกิ้น แบรนด์ส อิงค์ ธุรกิจเสื้อผ้าที่ล้ละลายไป และยังให้บริการไฟแนนซ์แก่ลูกค้ารายย่อยประมาณ 2,000 รายที่ให้บริการแก่ธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐ 300,000 แห่ง