ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านของสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 เนื่องจากผู้ซื้อบ้านได้ประโยชน์จากนโยบายลดหย่อนภาษีสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกซึ่งจะหมดอายุในเดือนนี้
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 6.1% แตะที่ 110.1 จุด หลังจากเพิ่มขึ้น 6.4% แตะระดับ 103.8 จุดในเดือนส.ค ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2549 และสูงกว่าระดับ 21% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ที่ระดับ 103.8 จุด
-- ยอดใช้จ่ายด้านการก่อสร้างของสหรัฐในเดือนก.ย.ปรับตัวดีเกินคาด เพราะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 6 ปี ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยจุดความหวังว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์เริ่มกลับมาฟื้นตัวและจะช่วยกระตุ้นภาพรวมเศรษฐกิจที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคเพื่อให้รอดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากร่วงลง 0.1 % ในเดือนส.ค. และยังสวนทางกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะลดลง 0.3%
-- ดัชนีชี้วัดกิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นเร็วที่สุดในรอบกว่า 3 ปี เพราะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายของรัฐบาลและความต้องการจากต่างประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองในแง่บวกต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่าดัชนีภาคการผลิตในเดือนต.ค.ขยายตัวขึ้นแตะระดับ 55.7 จุด จากระดับ 52.6 จุดในเดือนก.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า จะอยู่ที่ 53.0 จุด
-- กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศขายทองคำน้ำหนัก 200 เมตริคตันให้ธนาคารกลางอินเดีย มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นปริมาณเกือบครึ่งหนึ่งของทองคำที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหารไอเอ็มเอฟให้นำออกขายทั้งสิ้น 403.3 ตัน
-- จิม โอนีล หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากโกลด์แมน แซคส์ กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เพราะอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง และจีนสามารถเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกได้ภายในปี 2570 ด้วยจีดีพีมูลค่า 21 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการบริโภคที่อาจสูงถึง 10 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 50% ของจีดีพี
-- คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนวางแผนที่จะทบทวนระดับหนี้สินของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเป็นห่วงว่าการกู้ยืมเงินของบริษัทเหล่านี้กำลังทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้นมากจนเกินไป โดยคณะกรรมการฯยังมีเป้าหมายที่จะลดอำนาจการซื้อของบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ซื้อที่ดินที่ราคาลอยตัวแล้ว ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของต่างก็พากันเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์
-- ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.5% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ หลังจากที่เศรษฐกิจออสเตรเลียขยายตัวแข็งแกร่ง
-- รัฐบาลโอบามาตั้งคณะตรวจสอบความปลอดภัยและผลข้างเคียงของวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังผลสำรวจเผยว่าชาวอเมริกันราวครึ่งหนึ่งอาจไม่รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เนื่องจากพวกเขากังวลเรื่องความปลอดภัยของยา
-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐชี้เศรษฐกิจสหรัฐได้หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่เสี่ยงภัยแล้ว และรัฐบาลสหรัฐจะต้องลดหนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งการกระตุ้นให้มีการเติบโตด้านการจ้างงาน
-- นายเคิร์ท แคมพ์เบล รัฐมนตรีช่วยฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ในฐานะทูตอาวุโสสูงสุดของสหรัฐจะเดินทางเยือนพม่าวันนี้ ภายใต้นโยบายการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
-- ฟอร์ด มอเตอร์ ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในสหรัฐ เผยผลกำไรไตรมาส 3 ของปีนี้ดีเกินคาดที่ 997 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมตั้งเป้าระดมทุนสูงสุด 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และชำระเงินกู้ 1.07 หมื่นล้านดอลลาร์ที่นำมาใช้ประคับคองตัวเลขดุลบัญชีของบริษัท
-- โตโยต้า มอเตอร์ เผยสำนักงานความปลอดภัยการจราจรทางหลวงแห่งชาติสหรัฐได้ตรวจสอบรถยนต์ของบริษัทตามคำเรียกร้องของลูกค้าแล้ว ไม่พบข้อบกพร่อมในรถแต่อย่างใด หลังจากที่ได้มีการเรียกคืนรถในสหรัฐเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีความวิตกกังวลว่า พรมปูพื้นภายในรถอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้คันเร่งค้างและส่งผลให้ผู้ขับประสบอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง พร้อมกับยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบรถของโตโยต้าเพิ่มเติม
-- รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ยกระดับการเตือนภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 สู่ระดับสูงสุดแล้ว เนื่องจากไวรัสชนิดนี้กำลังแพร่ระบาดเร็วขึ้นกว่าเดิม และเมื่อสัปดาหืที่แล้ว ประธานาธิบดีลี เมียง-บัค ของเกาหลีใต้ เดินทางไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงโซล เพื่อสังเกตการณ์โครงการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อวาน พร้อมกับเรียกร้องให้รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส H1N1 ชนิด A
-- ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐ ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับนายฮามิด คาร์ไซ ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอัฟกานิสถานเป็นสมัยที่ 2 ในวาระการทำงานอีก 5 ปี ระบุต้องการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสองประเทศอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอัฟกานิสถานบริหารประเทศโดยใช้หลักธรรมาภิบาลและปราบปรามการคอร์รัปชั่น
-- ศาสตราจารย์ เอริค เวลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรแห่งมหาวิทยาลัยอาคันซอส์ คาดการณ์ว่า ราคาข้าวในตลาดโลกจะไม่ดีดตัวขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในปีหน้า เนื่องจากซัพพลายข้าวจากประเทศไทยและเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก จะมีเพียงพอรองรับภาวะขาดแคลนในอินเดียและฟิลิปปินส์
-- "เมโทร" ห้างค้าปลีกรายใหญ่สุดของเยอรมนีเปิดเผยกำไรไตรมาส 3 ปีนี้ว่า ร่วงลง 61% แตะ 72 ล้านยูโร หรือ 107 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราว่างงานที่สูงขึ้นทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วยุโรปลดลงตามไปด้วย และคาดว่า ตัวเลขดังกล่าวจะยังไม่กระเตื้องขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้
-- ยูบีเอส เอจี ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานตัวเลขขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันหลังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก
โดยทางธนาคารขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 564 ล้านฟรังค์สวิส (552 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 3 เทียบกับตัวเลขกำไร 283 ล้านฟรังค์ในปีที่แล้ว และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขาดทุนเพียง 337 ล้านฟรังค์
-- รอยัลแบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (อาร์บีเอส) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของอังกฤษ กลายเป็นสถาบันการเงินที่ต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากที่สุดในโลก แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างซิตี้กรุ๊ป หลังจากรัฐบาลอังกฤษวางแผนอัดฉีดเงินให้อาร์บีเอสอีก 2.55 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 4.2 หมื่นล้านดอลลร์สหรัฐ