ค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (3 พ.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องและการปรับโครงสร้างของธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ และการประชุมธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพุ่งขึ้น 0.37% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4714 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.4768 ยูโร/ดอลลาร์ และทะยานขึ้น 0.39% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0261 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0260 ฟรังค์/ดอลลาร์
หากเที่ยบกับสกุลเงินปอนด์ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.16% แตะที่ 1.6417 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 1.6390 ปอนด์/ดอลลาร์ และทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ 90.330 เยน/ดอลลาร์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลง 0.15% แตะที่ 0.9019 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันอังคารที่ 0.9033 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.43% แตะที่ 0.7201 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7170 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน กล่าวกับเอพีว่า กระแสความวิตกกังวลในภาคธนาคารทำให้นักลงทุนชะลอการซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงและแห่ซื้อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเมื่อวานนี้มีรายงานว่าลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่สุดของอังกฤษ วางแผนระดมทุนมูลค่า 2.1 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 3.4 พันล้านดอลลาร์
รัฐบาลอังกฤษวางแผนอัดฉีดเงินให้รอยัลแบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ (อาร์บีเอส) ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ของอังกฤษ อีก 2.55 หมื่นล้านปอนด์ หรือ 4.2 หมื่นล้านดอลลร์สหรัฐ ทำให้อาร์บีเอสกลายเป็นสถาบันการเงินที่ต้องขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลมากที่สุดในโลก แซงหน้าซิตี้กรุ๊ป
นอกจากนี้ ยูบีเอส เอจี ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานตัวเลขขาดทุนเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันหลังมีหนี้สินเป็นจำนวนมาก โดยทางธนาคารขาดทุนสุทธิเพิ่มขึ้นแตะ 564 ล้านฟรังค์สวิส (552 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไตรมาส 3 เทียบกับตัวเลขกำไร 283 ล้านฟรังค์ในปีที่แล้ว และแย่กว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะขาดทุนเพียง 337 ล้านฟรังค์
นักลงทุนยังจับตาดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ และการประชุมธนาคารกลางยุโรปและอังกฤษในวันพฤหัสบดีนี้
ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแม้ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% เป็น 3.5% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันในการประชุม 2 ครั้งสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารกลางออสเตรเลียวิตกกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ