สหรัฐเผยยอดขายรถยนต์เดือนต.ค.ดีดขึ้น 12% สะท้อนอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มมีเสถียรภาพ

ข่าวต่างประเทศ Wednesday November 4, 2009 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ออโต้ ดาต้า คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยด้านอุตสาหกรรมรถยนต์ในสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดขายรถยนต์ส่วนบุคคลและรถบรรทุกขนาดเล็กประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 838,000 คัน เพิ่มขึ้น 12% จากเดือนก.ย. ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตลาดรถยนต์ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ และยังบ่งชี้ว่าผู้บริโภคเริ่มหันมาใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ด้วย

บริษัทที่ทำยอดขายรถยนต์สูงสุดในสหรัฐคือ ฮุนได มอเตอร์ ของเกาหลีใต้ โดยมียอดขายพุ่งขึ้น 49% แตะที่ 31,005 คัน เพราะได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์ซีดานรุ่นเล็กอย่าง Elantra ที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่ง ตามด้วย นิสสัน มอเตอร์ ของญี่ปุ่น ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 5.6% รองลงมาคือ เจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้น 4.7% เนื่องจากยอดขายรถปิคอัพรุ่นใหม่ปรับตัวสูงขึ้น และนับเป็นครั้งแรกในรอบ 21 เดือนที่ยอดขายของจีเอ็มเพิ่มขึ้น

ส่วนยอดขายของค่ายโตโยต้า มอเตอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้นไม่ถึง 1% ขณะที่ยอดขายของฮอนด้า ทรงตัว และยอดขายของไครสเลอร์ กรุ๊ป ดิ่งลง 30% แต่ยังลดลงน้อยกว่าในเดือนก.ย. ด้านยอดขายของฟอร์ด มอเตอร์ เพิ่มขึ้น 3% และนับเป็นครั้งที่ 12 ในระยะเวลา 13 เดือนที่ฟอร์ด มอเตอร์ สามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้น เพราะได้รับแรงหนุนจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของฟอร์ดที่ไม่ได้ขอรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลเหมือนกับจีเอ็มและไครสเลอร์

ซูซาน ดอเชอร์ตี้ ผู้บริหารฝ่ายการขายของจีเอ็มเปิดเผยกับเอพีว่า จีเอ็มมีความกังวลเรื่องการใช้จ่ายที่หมดไปกับโครงการสร้างแรงจูงใจให้กับผู้บริโภค โดยเมื่อเดือนที่แล้วจีเอ็มหมดเงินไป 4,100 ดอลลาร์/คันเพื่อเร่งระบายรถยนต์ Saturn และ Pantiac ออกจากสต็อก

แกรี่ ดิลท์ รองประธานฝ่ายปฏิบัติการด้านอุตสาหกรรมยานยนต์โลกของเจพี เพาเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ กล่าวว่า "ยอดขายรถยนต์เดือนต.ค.ของสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งอาจจะเป็นผลพวงมาจากโครงการนำรถยนต์คันเก่าแลกคันใหม่ และดีกว่าเดือนก.ย.ที่ยอดขายรถยนต์โดยรวมร่วงลงอย่างหนัก"

ขณะที่ไมค์ ดิจีโอวานนี นักวิเคราะห์ของจีเอ็มกล่าวว่า "การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์จะเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐให้ขยายตัวขึ้นด้วย แม้ยอดขายเดือนต.ค.จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่อย่างน้อยก็เป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐได้รับปัจจัยบวกจากโครงการรถเก่าแลกรถใหม่"

อย่างไรก็ตาม ดิจีโอวานนีกังวลว่า ภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานของสหรัฐอาจบั่นทอนการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐ จะร่วงลงอีก 175,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะเป็นสถิติที่ร่วงลงรุนแรงสุดนับตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1930 และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะพุ่งขึ้นแตะ 9.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ