คณะกรรมการบริหารของเจนเนอรัล มอเตอร์ส (GM) ได้ลงคะแนนเสียงให้คงธุรกิจของโอเปิลไว้ แทนที่จะขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับบริษัท แม็กน่า อินเตอร์เนชั่นแนล และพาร์ทเนอร์อย่าง OAO Sberbank เนื่องจากสถานการณ์ในบริษัทเริ่มดีขึ้นและบริษัทเล็งเห็นถึงความสำคัญด้านกลยุทธ์ของแบรนด์
การตัดสินใจดังกล่าวถือเป็นการพลิกการตัดสินใจก่อนหน้านี้ที่จะขายหุ้น 55% ในบริษัท Ruesselsheim ซึ่งทำธุรกิจรถโอเปิลในเยอรมนีให้กับแม็กน่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่สุดของแคนาดา และ Sberbank ซึ่งเป็นสถาบันการเงินรายใหญ่สุดของรัสเซีย จีเอ็มคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3 พันล้านยูโร หรือ 4.42 พันล้านดอลลาร์ในการปรับโครงสร้างธุรกิจที่ขาดทุนแห่งนี้
บลูมเบิร์กรายงานว่า การคงอำนาจในการควบคุมดูแลกิจการของโอเปิลครั้งนี้นับเป็นการเปลี่ยนแปลงแผนการยกเลิกธุรกิจที่ไม่สามารถทำกำไรของจีเอ็มภายหลังการยื่นล้มลายเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 30 ก.ย. จีเอ็มระบุว่า จะยกเลิกแบรนด์แซทเทิร์นหลังจากที่ไม่สามารถทำข้อตกลงด้านการขายกับเพนสเก้ ออโตโมทีฟ กรุ๊ป ได้
ไมเคิล โรบิเน็ท นักวิเคราะห์ของบริษัท ซีเอสเอ็ม เวิลด์ไวด์ กล่าวว่า ข้อได้เปรียบของการกุมอำนาจของจีเอ็มในโอเปิลไว้นั้นเป็นการลดความเสี่ยงในเรื่องเทคโนโลยีและแพลตฟอร์ม แต่จีเอ็มคงจะไม่ได้ประโยชน์ในเรื่องการคงสาขาไว้ในตลาดรถยุโรป เนื่องจากปีหน้าตลาดรถในยุโรปจะยังคงอ่อนตัวลงกว่าเดิม
นางแองเจล่า แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้เกลี้ยกล่อมให้มีการขายโอเปิลให้กับแม็กน่าตั้งแต่เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เพราะต้องการปกป้องแรงงานในประเทศไว้ โดยจีเอ็มได้แจ้งให้แม็กน่า นายกฯเยอรมนี และเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลประเทศต่างๆในยุโรปแล้วก่อนที่จะมีการประกาศเรื่องการตัดสินใจดังกล่าวออกมา
ทั้งนี้ จีเอ็มได้อ้างถึงสาเหตุที่ไม่ต้องการขายกิจการโอเปิลว่าเป็นเพราะไม่ต้องการให้คู่แข่งสามารถเข้าถึงข้อมูลการออกแบบรถที่บริษัทวางแผนว่าจะนำมาใช้งานหลังจากที่ลดสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ลงแล้ว
ซีกฟรีด วูลฟ์ ซีอีโอร่วมของแม็กน่า กล่าวว่า เราจะยังคงให้การสนับสนุนโอเปิลและจีเอ็มต่อไป และหวังว่าทุกฝ่ายจะช่วยสนับสนุนกระบวนการปรับโครงสร้างของโอเปิล