นายมาร์ติน เฟอร์กูสัน รมว.พลังงานออสเตรเลียเปิดเผยว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะตั้งทีมตรวจสอบหาสาเหตุการรั่วไหลของน้ำมันกว่า 30,000 บาร์เรลในทะเลติมอร์ ซึ่งเป็นน้ำมันจากแท่นขุดเจาะของบริษัทในเครือบมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) จนเป็นเหตุให้นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมออกมาเรียกร้องให้ทางการออสเตรเลียระงับใบอนุญาตการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันครั้งใหม่
รมว.พลังงานออสเตรเลียกล่าวว่า การตรวจสอบครั้งนี้มีเป้าหมายที่จะสืบหาสาเหตุของการรั่วไหลของน้ำมันจากโครงการมอนทารา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา และการรั่วไหลของน้ำมันทำให้สมาคมอนุรักษ์ปลาวาฬและปลาโลมาของออสเตรเลียเรียกร้องให้รัฐบาลระงับการออกใบอนุญาตสำรวจและขุดเจาะน้ำมันครั้งใหม่ในทันที
ด้าน PTTEP กล่าวว่า ทางบริษัทจะเริ่มดำเนินการสำรวจหาสาเหตุการรั่วไหลโดยเร็ว หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้แท่นขุดเจาะปิโตรเลียมของ PTTEP ในโครงการมอนทาราเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้ต้องหยุดการดำเนินการที่แท่นขุดเจาะดังกล่าว โดย PTTEP ประมาณการว่ามีน้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลติมอร์ นอกชายฝั่งคิมเบอร์ลีย์ของออสเตรเลีย จำนวนมากถึง 400 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งสำนักงานป้องกันทางทะเลของออสเตรเลียระบุว่าเป็นเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหลครั้งใหญ่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ออสเตรเลีย
วุฒิสมาชิก ราเชล ซีเวิร์ต เปิดเผยว่า นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกลุ่ม Australian Greens คาดหวังว่ารัฐบาลจะตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างยุติธรรมและคาดหวังว่าจะได้รับความร่วมมืออย่างเต็มรูปแบบจากทั้ง PTTEP และรัฐบาลออสเตรเลีย เนื่องจากภัยพิบัติในครั้งนี้สร้างความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเลาอย่างประเมินค่ามิได้
ขณะที่สมาคมอนุรักษ์ปลาวาฬและปลาโลมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการปฏิบัติงานทางน้ำทั้งหมดของออสเตรเลีย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าการทำงานจะมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งเรียกร้องให้มีการทบทวนการออกใบอนุญาตการสำรวจน้ำมันและก๊าซ