นายโดมินิค สเตราส์-คาห์น ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) คาดการณ์ว่า จีนจะดำเนินการเพื่อปรับค่าเงินหยวนให้แข็งค่าขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ และล่าสุด จีนก็เดินหน้าไปในทิศทางที่จะทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น ขณะที่ทางไอเอ็มเอฟมองว่าเงินหยวนของจีนอ่อนค่าเกินจริง
เงินหยวนที่อ่อนค่าเกินจริงได้จุดชนวนให้เกิดความตึงเครียดในกลุ่มผู้ผลิตของสหรัฐ สภาธุรกิจและอุตสาหกรรมสหรัฐกล่าวหาว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะแก้ปัญหาการปกป้องอัตราแลกเปลี่ยนของจีน หลังจากที่กระทรวงคลังสหรัฐงดการวิจารณ์จีนว่าเป็นผู้ปั่นค่าเงินหยวน ทั้งที่ในทางกฎหมายนั้น กระทรวงคลังสหรัฐจะต้องเข้าไปจัดการเจรจาโดยตรงกับประเทศใดๆก็ตามที่ปั่นค่าเงินของตนเอง และหาทางแก้ปัญหานั้นผ่านทางไอเอ็มเอฟ โดยกระทรวงคลังสหรัฐระบุเมื่อเดือนเม.ย.ว่า จะใช้โอกาสที่มีอยู่หาทางทำให้จีนทำให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น
ผอ. IMF กล่าวต่อไปว่า การที่เงินหยวนจะแข็งค่าขึ้นกว่าเดิมนั้น จะเป็นเพราะสถานการณ์ในประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่พึ่งพาการส่งออกมาเป็นการพึ่งพาดีมานด์ภายในประเทศมากยิ่งขึ้น
ที่ประชุม G20 ในสัปดาห์นี้จะจัดขึ้นที่ประเทศสก็อตแลนด์ โดยจะมีการหารือเรื่องการแก้ปัญหาภาวะการลงทุนและการค้าโลกที่ขาดความสมดุลและมีส่วนทำให้เกิดวิกฤตการเงิน
ผอ. IMF กล่าววันนี้ว่า การที่วิกฤตการเงินโลกคลี่คลายลงทำให้เศรษฐกิจโลกสมดุลอีกครั้ง ขณะที่ผู้บริโภคของสหรัฐก็เก็บออมมากขึ้น จีนก็เปลี่ยนมาใช้รูปแบบการขยายตัวภายใต้รูปแบบการพึ่งพาดีมานด์ในประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ค่าเงินหยวนเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ดี เรื่องนี้จะต้องใช้เวลาดำเนินการสักระยะหนึ่ง แต่สหรัฐและจีนต่างก็เดินไปในทิศทางเดียวกัน คือ การลดภาวะไร้สมดุลทั่วโลก
บลูมเบิร์กรายงานว่า จีนได้ปกป้องเงินหยวนไม่ให้แข็งค่าขึ้นมาตั้งแต่เดือนก.ค. 2551 หลังจากที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาแล้ว 21% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนรายวันไว้ที่ 6.8279 หยวนต่อดอลลาร์