สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองในด้านบวกต่อเศรษฐกิจ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเหนือระดับ 10,000 จุด และข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันศุกร์
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,089.30 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.00 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,084.30-1,095.20 ดอลลาร์
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 17.410 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 0.50 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 3.6 เซนต์ ปิดที่ 2.957 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนสัญญาพลาตินั่มส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,362.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 6.40 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 331.85 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 3.05 ดอลลาร์
ดาริน นิวซัม หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท DTN กล่าวกับเอพีว่า นักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำเพราะเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดัชนีดาวโจนส์ที่ทะยานขึ้นเหนือระดับ 10,000 จุดเมื่อคืนนี้ รวมทั้งรายงานที่ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการว่างงานในรอบสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงแตะระดับ 512,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือนและลดลงต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ริชาร์ด ซี กัง ซีอีโอบริษัท Emerging Global Advisors LLC ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ในนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า ราคาทองคำในตลาดโลกจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 6 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากการซื้อเก็งกำไรของกลุ่มกองทุนบำเน็จบำนาญ กลุ่มเฮดจ์ฟันด์ และนักลงทุนสถาบันรายใหญ่ และคาดว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะเพิ่มการลงทุนด้านสินค้าโภคภัณฑ์ในพอร์ทอีก 5-10%
"ก่อนหน้านี้ตลาดทองคำเคลื่อนไหวอย่างสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน แต่ปัจจุบัน ตลาดถูกขับเคลื่อนด้วยปัจจัยทางจิตวิทยา ดังนั้นภายใน 6 เดือนข้างหน้าเราจะเห็นราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,250-1,350 ดอลลาร์/ออนซ์ และหากทองคำผ่านกรอบราคาดังกล่าวไปได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าราคาจะพุ่งแตะ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์" เขากล่าว