จิม โอนีล หัวหน้านักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ เชื่อว่า ธนาคารกลางรายใหญ่ทั่วโลกกำลังเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้ประกาศใช้ไปในช่วงต้นปีที่ผ่านมาเพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยล่าสุดเมื่อวานนี้ นายฌอง-คล้อด ทริเชต์ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวว่า อีซีบีจะระบายสภาพคล่องบางส่วนออกจากระบบเศรษฐกิจ และธนาคารกลางอังกฤษได้ชะลอการเข้าซื้อพันธบัตร รวมทั้งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ออกแถลงการณ์บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจเริ่มขยายตัวขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าเป็นแถลงการณ์ที่ปูทางไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต
"ความเคลื่อนไหวของธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลกเหล่านี้บ่งชี้ว่า นักลงทุนและผู้บริหารบริษัทเอกชนจะต้องเดินหน้าทำธุรกิจของตนเองโดยไม่มีการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องากธนาคารกลางวิตกกังวลเรื่องภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์รอบใหม่ที่กำลังก่อตัวขึ้น" โอนีลกล่าว
โอนีลกล่าวว่า ธนาคารกลางกำลังปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ด้านการใช้นโยบายหลังจากภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มสินค้าในสต็อกและราคาสินทรัพย์ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำ พุ่งสูงขึ้น โดยดัชนี MSCI All-Countries World Index พุ่งขึ้นไปแล้ว 66% นับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา
บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านนี้ธนาคารโลกแนะนำธนาคารจีนให้ลงมือดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังจากธนาคารกลางจีนเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยวงเงินกู้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1.27 ล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ และหลังจากรัฐบาลจีนประกาศใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 5.86 แสนล้านดอลลาร์ รวมทั้งลดการสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ และลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงสู่ระดับระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ซึ่งเป็นดัชนีวัดความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรม พุ่งขึ้นแตะระดับ 55.2 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 54.3 จุด สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางจีนชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้