นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์จะต้องเรียกทูตพาณิชย์ไทยประจำกรุงพนมเปญกลับมาหรือไม่ คงต้องขอหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีก่อน เพื่อขอรับทราบนโยบายการทำงานว่าจะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกับเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงพนมเปญหรือไม่ เพราะมาตรการตอบโต้ทางการทูตที่รัฐบาลดำเนินการไปก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงและชัดเจนแล้ว
ทั้งนี้นางพรทิวาได้ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง-ญี่ปุ่น กับคณะของนายกรัฐมนตรี ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ด้านนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วหากสถานการณ์ความขัดแย้งของ 2 ประเทศเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้น แต่ภาพรวมสถานการณ์ปัจจุบันยังปกติ ทั้งนี้ได้กำชับให้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ติดตามอย่างใกล้ชิด และตามธรรมเนียมปฏิบัติแม้การเมืองระหว่างประเทศร้อนแรงก็คงไม่ถึงขั้นเรียกทูตพาณิชย์กลับประเทศไทย
"กระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกรอบของกระทรวงการต่างประเทศ จึงไม่อยากให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศตกใจเกินไป เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องไม่เข้าใจกัน เมื่อมีการพูดคุยก็จะกลับมาเข้าใจกันได้" รมช.พาณิชย์ ระบุ
อย่างไรก็ดี วันพรุ่งนี้(7 พ.ย.) นายอลงกรณ์จะนำคณะตรวจสอบสถานการณ์การค้าตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ จ.สระแก้ว
ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มาตรการตอบโต้ทางการทูตของรัฐบาลไทย ยังไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา เนื่องจากยังไม่มีการประกาศปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา และห้ามค้าขายระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศได้รายงานสถานการณ์ล่าสุดว่าการค้าขายระหว่างไทย-กัมพูชา ยังเป็นปกติ
ทั้งนี้มูลค่าการค้าระหว่างไทย-กัมพูชา ในปี 51 มีมูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ถึง 80% เป็นมูลค่าการค้าบริเวณชายแดน ขณะที่ภาวะการค้าช่วง 9 เดือนแรกปี 52(ม.ค.-ก.ย.) ไทยส่งออกไปกัมพูชา 1,183 ล้านดอลลาร์ ลดลง 29.78%