นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวย้ำว่า สหรัฐจะยังไม่ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างแถลงการณ์ของไกธ์เนอร์ที่ระบุว่า "หากเราถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป เศรษฐกิจและระบบการเงินจะยิ่งอ่อนแอลง ขณะที่อัตราว่างงานจะยังสูงขึ้น และภาคธุรกิจเอกชนจะซบเซา นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลการค้าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบให้ภาพรวมเศรษฐกิจแย่หนักกว่าเดิม"
นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการกระตุ้นการจ้างงานและสนับสนุนการลงทุนของภาคธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อ
"ยังเร็วเกินไปที่จะมองถึงแนวโน้มที่สดใสจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในขณะนี้ และโดยปกติแล้วความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆที่ผ่านมาก็คือการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนถึงเวลาอันควร" ไกธ์เนอร์เสริม
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 3 ของปีนี้ขยายตัวได้เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ไตรมาส ขณะที่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานที่พุ่งไปแตะระดับ 10.2% ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 26 ปี